วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว Lights Out (มันออกมาขย้ำ) หนังผีที่เค้าว่าดี และทำให้หลอนตอนไฟดับ

ด้วยความที่ได้ดูตัวอย่างหนัง Lights Out (ไลท์ เอาท์) หรือที่มีชื่อไทยว่า มันออกมาขย้ำ ตั้งแต่ตอนไปดู คอนจูริ่ง 2  และตัวน้ำตาลเองก็เป็นสายหนังผีอยู่แล้ว พอได้ดูตัวอย่างปุ๊บ คิดปั๊บเลยว่า ชั้นต้องดูเรื่องนี้ๆๆๆๆๆ ดังนั้นเมื่อหนังเข้า มีรึที่เราจะพลาด!!!


Lights Out (ไลท์ เอาท์) สร้างขึ้นจากหนังสั้นของ เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก ที่เนื้อหาไม่มีอะไรมาก แต่เป็นเรื่องของการพบเห็นอะไรบางอย่างเมื่อดับไฟ ซึ่งหนังสั้นเรื่องนี้ สามารถทำให้คนดูตื่นเต้นไปกับจังหวะการเปิด-ปิดไฟตลอดเวลาที่ดู และพีคสุดในตอนจบ ใครยังไม่ได้ดู หายใจลึกๆ และปิดไฟในห้องให้หมด เพื่ออรรถรสในการรับชม 555+++

พร้อมยางงงง พร้อมแล้วไปดู Lights Out (ไลท์ เอาท์) เวอร์ชั่นหนังสั้น ได้เลยค่ะ



อะโหววววว เป็นไงล๊าาาาาา สะดุ้งเลยดิ่ 555+++
และจากเวอร์ชั่นหนังสั้นนี้ ก็ได้ถูกให้เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวภายใต้การควบคุมของ  เจมส์ วาน  (ผู้กำกับ The Conjuring) โดยเพิ่มเติมเรื่องราว ที่มาที่ไป ว่าทำไมผีต้องมาต้องไฟดับ!!!

เรื่องย่อ
เรื่องของครอบครัวหนึ่ง มีคุณแม่โซฟี ซึ่งมีอาการทางจิต ต้องคอยกินยาอยู่ตลอดเวลา ลูกสาวคนโตรีเบคก้า ซึ่งย้ายออกมาอยู่ลำพัง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่เธอไม่อยากบอกใคร และลูกชายคนเล็กมาร์ติน ซึ่งเริ่มรับรู้ว่า มีใครบางคนที่ชื่อว่า "ไดอาน่า" ซึ่งแม่ของเค้าพูดถึงอยู่ตลอดเวลา กำลังวนเวียนอยู่รอบๆตัว อยู่ภายในบ้านของเค้า และทุกครั้งที่ปิดไฟ เค้าจะไม่ได้อยู่คนเดียว!!!

เข้าฉายวันที่ 21 กรกฎาคม 2559

นำแสดงโดย : เทเรซ่า ปาล์มเมอร์ , บิลลี่ เบิร์ก, เอมิลี่ อลิน ไลด์,กาเบรียล เบตแมน
กำกับโดย : เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก
บทภาพยนตร์โดย : เอริค ไฮเซอเรอร์ และ เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก
อำนวยการสร้างโดย : เจมส์ วาน

ใครพลาดยังไม่ได้ดูตัวอย่างหนัง มารับชมเพื่อเรียกน้ำย่อยปลุกความหลอนกันได้ที่นี่ก่อนค่ะ

รีวิว
หนังจะเปิดตัวมาด้วยฉากโรงงาน ที่เป็นฉากเดียวกับในตัวอย่างหนังนั่นแหละ ซึ่งถ้าใครยังไม่เคยดูตัวอย่าง ก็ถือว่าเป็นการเปิดเรื่องได้อย่างระทึกใจ เพราะผีมาแบบรัวๆ เลยนะ แต่ถ้าใครดูตัวอย่างแล้ว ก็จะระทึกแบบเบาๆ เป็นน้ำจิ้ม

ต่อมาหนังจะปูเรื่องตัวละคร ว่าคนในครอบครัวแต่ละคน พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดอะไรบ้าง และหนังจะค่อยๆเผยให้รู้ว่า "ไดอาน่า" คือใคร? เราจะค่อยๆลุ้นไปพร้อมๆกับการดำเนินเรื่องของหนัง และมีความลุ้นระทึกตลอดเวลาว่าผีจะมามั๊ย มาจากทิศไหน เพราะภาพในหนังค่อนข้างมืด และไฟดับบ๊อยบ่อย และมีความสงสัยตลอดเวลาที่ดูว่า

- จะเอาเทปกาวไปติดสวิตช์ไฟทำไม? ถ้าผีจะมีอิสระในการปิดไฟตลอดเวลาแบบนี้?
- เปิดๆปิดๆไฟ หลายทีทำไม? ทำไมไม่วิ่ง!!! วิ่งดิ่เอ๋ วิ่ง!!!
- ถ้ากลัวผีจะโผล่มาตอนมืดๆ ทำไมไม่เปิดม่านในบ้านให้มันสว่างๆไว้?
- พยายามเปิดไฟสว่างแค่ไหน ผีก็มีมุมโผล่ออกมาได้ทุกทีเลยหรา? เป็นต้น

แต่โดยรวมก็ถือว่าหนังสนุกดี มีความตื่นเต้น ระทึกใจ และลุ้นผีโผล่ตลอดทั้งเรื่อง พร้อมแฝงข้อคิดเกี่ยวกับความรักระหว่างคนในครอบครัวไว้ด้วย กลัวไปซึ้งไปงิ แต่ส่วนตัวคิดว่า มันจบแบบปาหมอนไปหน่อย คือพอจบแล้วต้องร้องอ้าวแบบดังๆ อ้าว... จบแล้วเหรอ? จบเงี้ยนะ? จิงดิ่? แต่สำหรับคนชอบหนังผี ก็ถือว่าโอเค สนุกดีค่ะ

บางคนบอกดูจบ อารมณ์ไม่จบ กลับบ้านต้องนอนเปิดไฟ แต่... น้ำตาลไม่รู้สึกนะ ก็อย่างที่บอก ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะคะ

ปล. ส่วนตัวชอบ The Conjuring 2 คอนเจอริ่ง คนเรียกผี ภาค 2 มากกว่านะ แต่น้องชายชอบ  Lights Out (ไลท์ เอาท์) มากกว่า อืม... ก็ไม่รู้สินะ ลองไปดูด้วยตาของคุณเองดีกว่าค่ะ ฝันดีผีซ่อนใต้เตียงนะคะ บรัยยยยย


อ่านต่อ >>>

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เปิดกล่อง Lisa Box (อีกที) ... กล่องที่ 2 ส่งมาละนะ รู้ยังงงงงงงง

หลังจากเปิด Lisa Box กล่องแรกไปเมื่อ วันที่ 22 กรกฎาคม 2559 วันนี้กล่องที่ 2 มาแล้วค่า ดังนั้นจะมาอัพเดทให้ตามสัญญา ใครอยากรู้กล่องแรกได้อะไรบ้าง เชิญตามไปมุงกระทู้เก่านะคะ
เปิดกล่อง Lisa Box ... หลังจากการรอคอย 20 วันผ่านไป

เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  มาแกะกล่อง Lisa Box กล่องที่ 2 กันค่ะ มุงค่ะ มุง !!!


รอบนี้ มีของมาทั้งหมด 6 ชิ้น (ไม่มีกระเป๋าผ้า Lisa อ่ะ)
กรี๊ดสุด ตรงได้ Eye Primer ของ Urban Decay มาด้วยนี่แหละ กรี๊สสสสสสสสสสสสส


สรุปจากการซื้อ Lisa Box 2 กล่อง ถามว่าคุ้มมั๊ย?
ถ้าตีมูลค่าสินค้าทั้งหมด ก็คุ้มค่ะ เพราะรวมๆแล้ว ทั้ง 2 รอบที่ส่งมา ราคามันเกิน 998 บาทอยู่แล้วแหละ

แต่ถามว่าของที่ได้มา น่าจะได้ใช้ทั้งหมดมั๊ย ถูกใจทุกชิ้นรึเปล่า?
ก็คงต้องตอบตามตรงว่าไม่ได้ชอบทุกชิ้น และอาจจะไม่ได้ใช้ทุกอย่าง คือมันไม่ได้รู้สึกน่ากรี๊ด น่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ค่ะ


แต่ยังไงสำหรับรอบนี้ ก็คงต้องขอติ 2 เรื่องนะคะ

1. ระยะเวลาการส่งของ
ช้ามากค่ะ พูดเลย คือก่อนหน้านี้ เคยสั่งมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งรอบนั้นของมาเร็วมาก และได้ของถูกใจมากค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ จำไม่ค่อยได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ความรู้สึกตอนเปิดกล่องคือ กรี๊ดกว่านี้อ่ะ
จะบอกว่าความประทับใจจากการซื้อครั้งนั้น ทำให้เรากดสั่งซื้อ Lisa Box ในครั้งนี้อย่างไม่ลังเลนะ แต่รอบบนี้แอบนอยด์นิดนุง

2. ความสับสนเรื่อง ออร์เดอร์สินค้า
อย่างที่เคยบอกไป ว่าตอนสั่งของ ทำการสั่งซื้อ 1 Order แต่ซื้อ 2 กล่อง
เวลาได้รับเลขสั่งซื้อ จึงได้เลขสั่งซื้อมาแค่หมายเลขเดียว
ตอนส่งของ ทาง Lisa Box ก็ไม่ได้แจ้งว่า ของจะมาไม่พร้อมกัน ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนกันไป และเกิดการเหวี่ยงเบาๆ


ต่อไป ชมค่ะ

หลังจากที่แจ้งไปว่าออร์เดอร์ไม่ครบ ทางทีมงานก็ประสานงานชี้แจง แจ้งข้อมูลกลับมาเรียบร้อยดี เป็นที่น่าพอใจ และระยะเวลาการส่งของ ครั้งที่ 2 ก็ไม่นานมาก ของที่ได้รับก็โอเค ถือว่าเป็นการแก้ตัวที่ดีค่ะ


สรุป จากการซื้อ Lisa Box รอบล่าสุด เราพอใจนะคะ คือพอใจเรื่องการประสานงานของทีมงาน ถึงจะมีอะไรผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ได้รับการแก้ไขเป็นอย่างดี รอบหน้าหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้แล้วเนอะ ให้กำลังใจทีมงานทุกคนค่ะ แต่เรื่องของในกล่องรอบนี้เราเฉยๆ ยังไงรอบหน้าจัดของใหม่นะคะ ขอแบบเปิดมาแล้ว ว๊าว กว่านี้นะคะ

แค่นี้แหละ ไปดีกว่า บัยยยยย


อ่านต่อ >>>

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์

Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์ บาล์มสารพัดประโยชน์จากออสเตรเลีย มีส่วนผสมจากมะละกอพันธุ์ Carica ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวเนียนนุ่ม และสารบางชนิดที่มีอยู่ในมะละกอ ก็ยังมีคุณสมบัติในการรักษาโรคได้ด้วย


ลักษณะแพคเกจจะเป็นหลอดสีแดงสดใส ขนาดหลอดก็ประมาณหลอดยาสีฟันที่พกเวลาไปเที่ยว ขนาดประมาณนี้พกพาสะดวกมากๆค่ะ กำลังดี ไม่เล็กเกินไป ไม่ใหญ่เกินไป

ฝาเปิดเป็นแบบฝาเกลียว บิดหมุนเปิดได้เลย พอเปิดมาจะมีแผ่นพลาสติก ซีลปิดที่จุดเอาไว้ ทำให้รู้สึกว่าสะอาดดี สามารถแกะเปิดเพื่อใช้งานได้ตามปกติ หลังจากแกะใช้แล้ว ฝาเกลียวก็ปิดสนิทดี ไม่ต้องกังวลว่าบาล์มจะไหลเลอะเทอะ


ด้านหน้าหลอด มีโล้โก้ชื่อ Lucas' Papaw Ointment ตัวใหญ่เป้ง เห็นกันชัดๆไปเลย พร้อมบอกปริมาณเอาไว้ตัวใหญ่ชัดเจนเช่นกัน มีปริมาณ 25 กรัม พร้อมชื่อส่วนผสมหลัก Carica Papaya

ส่วนด้านหลัง จะเป็นสติ๊กเกอร์ภาษาไทยสีขาว ตัดกับหลอดสีแดงสุดๆ บอกวิธีใช้ คำเตือน บริษัทที่นำเข้า แจ้งว่าผลิตที่ออสเตรเลีย ส่วนผสมในสติ๊กเกอร์บอกว่าให้ดูที่บรรจุภัณฑ์

มีเลขรับจดแจ้งเลขที่ 10-2-5800030

ลักษณะบาล์มจะเป็นเนื้อเจลข้นๆ เหมือนขี้ผึ้ง สีใสออกเหลืองนิดๆ เนื้อบาล์มค่อนข้างหนัก หนา และมีความมันสูงมากกกกก กลิ่นมันๆ ตุ่ยๆ บอกไม่ถูก ไม่หอมอ่ะ แต่ก็ไม่ได้เหม็นนะ


Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์ เป็นไอเท่มสารพัดประโยชน์ เพราะใช้งานได้หลายแบบมากกกกก เช่น

- แก้ปัญหาปากแตก ปากแห้ง ปากเป็นขุย
- อาการแพ้ตามผิวหนัง ผดผื่น สิว รวมถึงผื่นผ้าอ้อมที่ก้นเด็ก
- ผิวแห้งกร้าน ไม่ว่าจะเป็น มือไม่นุ่ม ศอกด้าน เข่าด้าน ส้นเท้าแตก
- แมลงสัตว์กัดต่อย แผลฟกช้ำ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- แผลถลอก ตกสะเก็ด แผลเปิด
- มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ สามารถทาแผลสดได้

โหวววววว คุณสมบัติเยอะมากอ่ะ จริงๆอยากทดสอบเรื่องการใช้กับพวกแผลสดนะ แต่จะให้ล้มโชว์ก็คงจะไม่ไหว ดังนั้น จะขอรีวิวกรณีอื่นซึ่งเป็นเคสของคนใกล้ตัวให้ดูกันดีกว่า

เพราะเคสนี้ ขอบอกว่าเราอึ้งกับผลของมันจริงๆ จนอยากจะเอามาแชร์ต่อให้ได้รุ้กัน ถึงประสิทธิภาพของ Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์


คนใกล้ตัวของเราคนมี จู่ๆก็เกิดมีอาการหน้าลอกค่ะ ลอกแบบเป็นขุยรุนแรงมาก แบบเห็นหน้าแล้วตกใจ ซึ่งวันนั้นเราก็ได้ Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์ ตัวเนี้ยมาพอดี ดูคุณสมบัติแล้ว มันน่าจะช่วยได้(มั๊ง???) เลยให้เค้าไปลองเลย

ภาพแรก (Before) คือ อาการลอกค่ะ ในภาพดูเหมือนเป็นสิว แต่ไม่ใช่นะ หน้าลอกเฉยๆค่ะ แต่ลอกแบบเยอะมาก

ภาพ 2-4 คือผลการใช้ Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์ ตัวนี้ ทาบางๆตอนเช้า และก่อนนอน ย้ำ!!! ทาบางๆนะ

พร้อมดูรูปยัง?
3 ... 2 ... 1 ... รูปมา!!!



Day1 : หลังทาไปแปปนึง บาล์มจะเริ่มซึม ผิวที่เป็นขุยจะเริ่มหายไป แต่ด้วยความที่เนื้อบาล์มมันมาก เราจะไม่เห็นอะไรมากนัก เห็นแต่ว่ามัน และขุยหายไป แต่พอล้างออก จะยังมีขุยเหลืออยู่บ้าง แต่ลดลงไปเยอะ

Day2
: ขุยยังมีอยู่แต่ลดลงไปมากแล้ว ทาต่ออีกวัน ย้ำว่า ทาบางๆ เพราะถ้าทาออกไปข้างนอก จะหนึบๆ เหนียวๆ ไม่สบายผิวเท่าไหร่ แต่ถ้าทาก่อนนอน อาจทาหนาขึ้นมาอีกนิดก็ได้ แต่อย่ามาก มันมัน!!!

Day3 : ขุยหายหมดเลย นะเออออออ

ของเค้าดีจริง ตามภาพเลยนะ 3 วัน รู้เรื่อง!!!
แต่เนื่องจากเนื้อครีมเค้าเข้มข้นมาก หนึบมาก มันมาก ดังนั้น น้ำตาลแนะนำว่า ไม่ควรทาแบบพอกหนาๆนะคะ เกิดอุดตันรูขุมขน อากาศร้อน ล้างหน้าไม่ดี สิวบุกไม่รุ้ด้วยนะ


ข้อแนะนำสำหรับการใช้งานอื่นๆ (เท่าที่ได้ลอง)

ถ้าจะใช้ทาริมฝีปาก ให้ดูชุ่มชื่น ใช้นิดเดียวพอค่ะ นิดเดียวคือ บีบเนื้อบาล์มขึ้นมาให้พ้นปลายหลอด 1 มม. แล้วปาดมาทาเลยค่ะ แค่นั้นพอ ไม่งั้นปากจะมันย่อง เสมือนกินหมูสามชั้นทอดมาซัก 2 กิโลเลยนะ (เผลอพลาดทาเยอะมาแล้ว 555)

แต่ถ้าใช้กับการทาตัว เช่น แก้ข้อศอก-เข่าด้าน ก็เพิ่มปริมาณมาอีกนิด ประมาณ เม็ดถั่วเขียว ถ้าไม่พอ ค่อยบีบเพิ่มนะ บีบเยอะมันเหนียว

สรุปคือ พอใจกับผลการใช้ค่ะ แต่คงไม่ได้ใช้บ่อยๆ เพราะมันเหนียวอ่ะ มันด้วย ปกติไม่ชอบอะไรเหนียวๆแบบนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าใครผิวค่อนข้างแห้ง หรือใช้ช่วงหน้าหนาวก็น่าจะโอเค

Lucas' Papaw Ointment ลูคัส พาพาว ออยเม้นท์ บาล์มอเนกประสงค์ ราคาอยู่ประมาณ 190-300 บาท ประมาณนี้แหละ ตามเว็บขายเครื่องสำอาง หรือร้านค้าเครื่องสำอางทั่วไปก็เห็นมีขายอยู่ ใครสนใจลองไปหาซื้อมาใช้กันดูค่ะ ไม่แพงเลย เมื่อเทียบกันการใช้งาน และดูท่าจะใช้ได้นาน น๊าน นาน เลยแหละ

ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)




หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก Lucas' Papaw Ointment และ https://th.revu.net
อ่านต่อ >>>

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เปิดกล่อง Lisa Box ... หลังจากการรอคอย 20 วันผ่านไป

สาวๆเคยได้ยินชื่อ Lisa Box กันบ้างรึป่าวคะ? ใครยังไม่รู้จัก ล้อมวงมาค่ะ เด๋วจะเล่าให้ฟัง

Lisa Box คือแคมเปญนึงของนิตยสาร Lisa ที่จะให้เราสั่งซื้อกล่องสินค้าปริศนา ที่ชื่อว่า Lisa Box มูลค่า 499 บาท แล้วรอลุ้นว่า สิ่งของที่เราจะได้ในกล่องนั้นคืออะไร? โดยทาง Lisa เคลมว่า สินค้าที่คุณจะได้รับนั้น มีมูลค่ารวมมากกว่า 1,500 บาท!!!


โหยยยยยย น่าสนุกดีใช่ป้ะล่าาาาา
จ่าย 499 ได้ 1,500 คุ้มไปอี๊กกกกกกกก

ซื้อเด่ะ รอไร

ว่าแล้วก็เกณฑ์สาวๆในออฟฟิศมาหุ้นกันค่ะ
จัดไปเลย 2 กล่อง ยอดรวม 998 บาท หารกลมๆ 4 คน คนละ 250
สั่งซื้อพร้อมจ่ายตังเรียบร้อย 2 กรกฎาคม 2559
แล้วก็รอ ร๊ออออ รอออออออออออ

วันเวลาผ่านไป 20 วัน
วันนี้ ... วันที่ 22 กรกฎาคม 2559
พัสดุเพิ่งมาถึง 1 กล่อง ????

เอิ่ม ซื้อ 2 กล่อง จ่ายตัง 2 กล่องค่าาาา ไหงของส่งมาแค่ 1 กล่อง?

เอ๊ะ หรือจะแพคของรวม?
ประหยัดกล่องงิ?
ใช่เหรอ?

เออไม่เป็นไร แกะก่อนแกะ รอมาตั้ง 20 วันนะโว้ยยยย

ลุ้นๆๆๆ แกะๆๆๆ เปิดกล่องงงงงงง

ผ่าง ผ่าง ผ่าง ผ่าง ผ่าง


... คือร่ะ?

... จ่ายไป 998 บาท???

... แค่นี้?

... ฮืออออออออออ (อ.อ่าง ล้านตัว)


บอกเลยว่าเจ็บ แต่ไม่จบค่ะ งานนี้ต้องการการเคลียร์ ขอ Inbox ไปเคลียร์แพ๊บ

หากในภาพนี้ คือ Lisa Box 1 กล่อง มูลค่า 499 บาท
เราจะรอ "อีกกล่อง" อย่างอดทนต่อไป
และจะมาโชว์อีกที เมื่อกล่องมา

แต่ถ้าในภาพนี้ คือ Lisa Box 2 กล่อง มูลค่า 998 บาท เราจะ ...
จะ ...
จะ ...
จะหล่องห้ายยยยยยยย ฮือออออออ

จอบอ
อ่านต่อ >>>

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว Smooto Aloe E Snail Bright Gel สมูทโตะ เจลว่านหางจระเข้ ผสมวิตามินอีและเมือกหอยทาก 10 คุณประโยชน์ใน 1 เดียว

ถึงจะเป็นหน้าฝน แต่อากาศก็ร้อนมากมาย ร้อนสุดพลังจริงนะๆคะ ดังนั้นเวลาออกแดดก็มักจะรู้สึกร้อนแสบผิว ทั้งผิวหน้าและแขนขา ดังนั้นเรามาฟื้นฟูผิวกันด้วย Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) กันดีกว่าค่ะ


Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) เหมาะสำหรับผิวแห้งขาดน้ำ อยากจะพักหน้า ฟื้นฟูผิวใส เต่งตึง ฉ่ำน้ำใช้ สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบร์ท เจล เจลว่านหางจระเข้ เข้มข้นสูงถึง 99.5% มีส่วนผสมของวิตามินอี และสารสกัดเมือกหอยทากจากธรรมชาติ เนื้อเจล อ่อนนุ่ม บางเบา ซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว


บนกล่องและบนซอง จะมีข้อมูล ครั้งที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ ซึ่งเท่าที่ดูบนกล่อง หากยังไม่แกะใช้งาน จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 3 ปี

เลขที่จดแจ้ง 10-1-5872999

1 กล่องใหญ่ จะมี 4 ซองเล็ก ขนาดบรรจุซองละ 50 มล. ขนาดซองเล็กประมาณ 1 ฝ่ามือ และมีจุกพลาสติกฝาบิดเป็นเกลียวที่ซอง ทำให้สะดวกต่อการพกพาและการใช้งานมากๆค่ะ


Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) มีส่วนผสมหลักๆ 4 ชนิด คือ

Aloe vera: ฟื้นบำรุงผิวหลังโดนสารเคมี เลเซอร์ ทรีทเม้นท์ ผิวไหม้จากแสงแดดและมลภาวะ
Vitamin E: ช่วยให้รอยแผลเป็น รอยสิว จุดด่างดำ ดูจางลง
Snail secretion: บำรุงผิวให้แข็งแรง รูขุมขนกระชับ ลดการเกิดสิวผด สิวอุดตัน หน้าไม่เรียบ
Hyaluron: ฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้าน เป็นขุย ผิวขาดน้ำ ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผิว


นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังมีคำเคลมว่า Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) มี 10 คุณประโยชน์ใน 1 เดียว คือ

1. พอกหน้าหลังทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์
2. ทาบำรุงผิวกาย สำหรับผิวแพ้ง่าย
3. พอกหน้าก่อนนอน
4. ทาผิวหลังออกแดด
5. ทารอยแผลเป็นสิว
6. บำรุงมือและเล็บ
7. แปะสำลี ถุงใต้ตา ผิวคล้ำ อดนอน
8. ทารอยแผลเป็นเรียบ แผลเป็นนูน
9. ทาก่อนแต่งหน้า เมคอัพติดทน
10. ทาข้อศอก ส้นเท้า หัวเข่า

บ๊ะแหล่วๆๆๆ ประโยชน์อะไจะเพียบขนาดนี้ แต่ก็นะ อย่างที่รู้ๆกันว่าว่านหางจระเข้ มันมีประโยชน์เยอะจริงๆ ดังนั้นคำเคลมที่กล่าวมาก็คงจะไม่เกินไปนัก เดี๋ยวมาลองทดสอบกันดูดีกว่าค่ะ ว่ามันจะได้ผลดีจริงรึเปล่า ป่ะๆๆ ไปลองเทสกัน


เริ่มต้นที่เนื้อเจลว่านหางจระเข้ Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) เนื้อจะเป็นเจลใส เนื้อเจลค่อนข้างเหลว สีเขียวอ่อนปนเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

ตามส่วนผสม บอกว่ามีเมือกหอยทาก แต่พอลองแตะเนื้อเจล ก็ไม่ได้หนืดๆ ยืดๆ แบบครีมเมือกหอยทากทั่วไปนะคะ ยืดได้แค่เนี้ย ดังนั้น ใครกลัวเหนียว กลัวเมือก ไม่ต้องกลัวค่ะ


เมื่อนำมาทาที่ผิว จะเป็นเหมือนเจลใสที่เคลือบผิวไว้ ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นดี ถ้าอยู่ในห้องแอร์จะซึมได้ดี แต่ถ้าทาในที่อุณภูมิปกติ จะซึมค่อนข้างช้า ทิ้งไว้ 5 นาทียังไม่แห้งดีเลยอ่ะ ถ้าแตะๆที่หน้าจะรู้สึกหนึบๆนิดๆ อาจะเป็นเพราะ เมือกหอยทาก ที่ผสมอยู่ในเนื้อเจล ถ้าจะทาก่อนแต่งหน้า แนะนำให้ทาในห้องแอร์หรือในรถจะดีกว่าค่ะ


จากคุณสมบัติของ Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) ที่เค้าเคลมไว้ 10 อย่าง น้ำตาลจะลองข้อที่ 9 ที่บอกว่า ทาก่อนแต่งหน้า เมคอัพติดทน ว่าจริงมั๊ย??? เพราะข้ออื่นๆมันก็ทั่วไปอ่ะเนอะ

ป่ะๆ ไปลองกัน ป้ายลงหน้าโลดดดดดโดยจะทาเฉพาะหน้าซีก ซ้ายเท่านั้น เพื่อไว้ใช้เปรียบเทียบผลนะคะ ว่าใช้ กับ ไม่ใช้ จะผลลัพธ์แตกต่างกันรึเปล่า?


เริ่มทดสอบ ตอนเช้า 10 โมง และออกไปตากแดด กินส้มตำ ทำงาน ไม่เติมแป้ง ไม่แต่งหน้าเพิ่มอะไรทั้งนั้น ยิงยาวจนจบตอนเวลากลับบ้าน ออกจากออฟฟิศเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ถ่ายรูปในลิฟท์ตัวเดิม แสงเดิม มุมเดิม ตามรูปเลยค่ะ

ผลคือ... ไม่แตกต่างง่ะ แต่ให้เพื่อนคนอื่นดู เค้าจะบอกว่าฝั่งที่ทา Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) จะดูหน้ามันน้อยกว่า เหมือนช่วยควบคุมความมันนิดหน่อย แต่เรื่องเมคอัพ ก็จางไปตามปกติค่ะ


สรุปคือ ความพอใจในการใช้งานทั่วไป ถือว่าดี พอกหน้าก่อนนอนก็ใช้ได้ ตื่นมาหน้านุ่มๆ ยิ่งแช่เย็น และนอนห้องแอร์ หน้าจะเย็นฉ่ำ หลับสบาย ถ้าใครผิวลอกเป็นขุย ใช้ตัวนี้ได้เลยค่ะ ช่วยได้พอสมควร และเวลาออกแดดแรงๆ ทา Smooto Aloe E Snail Bright Gel (สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจล) ก็ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ดีค่ะ

วิธีใช้งาน สามารถใช้บำรุงได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำทุกเช้า-เย็น หรือใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แนะนำให้แช่ตู้เย็นก่อนใช้ เพื่อความสดชื่นและคงประสิทธิภาพที่ดี

ใครสนใจ สามารถหาซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขา หรือ EVEANDBOY
ราคาซองเล็ก ซองละ 49 บาท ราคายกกล่อง ไม่แน่ใจ ยังไงลองสอบถามดูที่ ช่องทางการติดต่อของ smooto ได้เลยนะคะ

Line : smootojapan
IG : smootojapanofficial
Website : http://www.smootojapan.com
Fanpage : https://www.facebook.com/SmootoJapan

ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)




หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก smootojapan และ https://th.revu.net
อ่านต่อ >>>

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask แผ่นมาส์กแอมเพิล อเซโรล่าเชอร์รี่ วิตามินซี ซู๊งงงงสูง

อย่างที่เคยบ่นๆไปในการรีวิวครั้งก่อนๆ ว่าน้ำตาลเป็นคนที่ผิวหน้าชอบเป็นขุย เพื่อนสาวนางหนึ่งที่ออฟฟิศจึงยื่นแผ่นมาส์กมาให้ พร้อมคำโปรยเบาๆว่า เอาไปใช้ซะ แล้วหนังหน้าจะดีขึ้น!!!

เหยยยยยย มีความน่าลอง มีความท้าทาย ใช้แล้วดีจิงดิ๊ พูดไปใครจะเชื่อ ลองเด่ะ รอไร!!! งั้นมาเติมความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าด้วยแผ่นมาส์ก SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask กันเถอะ


หน้าซอง มาส์ก SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask เป็นรูปคล้ายๆผลเชอร์รี่ ชื่อภาษาอังกฤษเขียนว่า Acerola อ่านว่า อเซโรล่า (อะ-เซ-โร-ล่า)


ข้อมูลที่แบรนด์เคลมไว้ บอกว่า อเซโรล่าเชอร์รี่ (Acerola Cherry) มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 40-50 เท่า และมากกว่ามะนาวถึง 34 เท่า น้ำอเซโรล่าเชอรี่ ครึ่งแก้ว มีวิตามินซีเทียบเท่าน้ำส้มคั้นสดถึง 14 ลิตร ในแอมเพิลมาสก์สูตรอเซโรล่า ของสกินดอม มีส่วนผสมของสารสกัดจากอเซโรล่าเชอรี่เช่นกัน ผิวจึงได้รับการปรนนิบัติ ได้รับวิตามินซีเป็นสารอาหารสู่ผิว ให้ผิวมีชีวิตชีวา รูขุมขนกระชับ ดูสดชื่น

ส่วนคำว่า  Ampoule อ่านว่า แอมเพิล (แอม-เพิล) คือไรอ่ะ?
สงสัยก็ต้องถามค่ะ ถามใครดี ถามไปที่เพจเลยดิ๊ และแอดมินเพจ Skindom Thailand เค้าก็ตอบกลับมาว่า Ampoule แอมเพิล ก็คือ Super Serum จะช่วยดูดซึมเเละนำพาสารอาหารเเละเเร่ธาตุต่างๆเข้าสู่เซลล์ผิวได้อย่างล้ำลึกเเละรวดเร็วกว่าเนื้อครีมทั่วๆไปนั่นเอง


ด้านหลังซองจะมีข้อมูลต่างๆมากมาย ทั้งวิธีการใช้ คุณสมบัติ ส่วนผสม โดยมีคำเคลมว่า มาส์ก SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask จะช่วยให้ผิวจะดูเนียนนุ่มชุ่มชื่น ปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น ดูแลปกป้องผิวพรรณ ผ่อนคลายผิวหน้า มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่จะคืนความชุ่มชื่นให้ผิวที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวกระชับ และรู้สึกสดชื่น เผยผิวนุ่มละมุนน่าสัมผัส

โปรยมาขนาดนี้ แกะค่ะแกะ มันต้องดู มันต้อง Zoom


โหววววว แะซองออกมา ด้านในจะมีแผ่นมาส์กพับอยู่ มีความชุ่ม น้ำฉ่ำมว๊ากกกกก พอดึงแผ่นมาส์กออกมา พบว่ามีน้ำชุ่มมากค่ะ นอกจากแปะที่หน้าแล้ว น้ำในซองยังเอามาปาดที่คอ ได้อีกสบายๆ แถมตัวผ้าแผ่นมาส์กก็นุ่มดีด้วย


จากการทดลองใช้ มาส์ก SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask พบว่าแผ่นมาส์กชุ่มชื่นดี แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย

ตามขั้นตอนการใช้งานปกติที่แนะนำไว้ด้านหลังซอง เค้าให้มาส์กทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วเอแผ่นมาส์กออก หลังจากนั้น ตบเบาๆเพื่อให้เนื้อแอมเพิลซึมเข้าผิว แต่ขอสารภาพว่า ด้วยความที่อากาศเย็นๆ หน้าชุ่มๆ กลิ่นหอมๆ อิชั้นเผลอหลับไปเลยค่ะ พอตื่นขึ้นมาแผ่นมาส์กแห้งไปเรียบร้อยละจ้า 555+++

หลังจากตื่นมา ลองแตะๆที่หน้าดู หน้าจะมีความหนึบๆ อยู่นิดๆ คือไม่ลื่นนะ จะเหนียวๆนิดๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนอะหนะอะไร พอไปล้างหน้าก็จะรู้สึกได้ว่าลื่นๆ และผิวหน้าก็นุ่มดี ขุยๆที่แก้มก็ลดลง ผิวดูชุ่มชื่นขึ้นมาก


สรุปจากการใช้ มาส์ก SKINDOM Acerola Ampoule Sheet Mask คือพอใจค่ะ เรื่องเพิ่มความชุ่มชื่น ผิวนุ่มเด้ง ถือว่าโอเคเลยแหละ แต่เรื่องความขาวความใส ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไรมากนะ เรื่องกระชับรู้ขุมขน ก็ยังไม่รู้สึกไรมาก ยังไงโอกาสหน้าจะลองสูตรอื่นๆดูอีกทีนะคะ

มาส์ก SKINDOM Ampoule Sheet Mask มีหลายสูตรมากกกกก ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ ใครเหมาะกับตัวไหนลองเลือกกันได้ตามชอบเลยค่ะ น่าจะมีจำหน่ายอยู่หลายที่ แต่ที่น้ำตาลเคยเจอก็ที่ Watson ค่ะ ตอนนี้เค้ามีโปร 1 แถม 1 ด้วยนะ คละสูตรได้ด้วย คุ้มมมมสุด ถ้าใครเจอ เชิญสอยกันได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ หมดเขต 20 ก.ค.59 นะเออ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูโปรโมชั่นต่างๆ ตามไปช่องทางการติดต่อ SKINDOM กันได้เลย ที่แฟนเพจ Skindom Thailand จ้า


ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)

อ่านต่อ >>>

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว GIRLY KISS Wax Strips ผลิตภัณฑ์กำจัดขน ที่ทั้งถอนขนและบำรุงผิวในขั้นตอนเดียว

ใครมีปัญหาขนดก ยกมือขึ้นนนนนนนนนนนนนน

วันนี้เรามีของใหม่มาทดสอบให้ดูกันค่ะ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีชื่อว่า  GIRLY KISS Wax Strips เป็นผลิตภัณฑ์กำจัดขน ที่ทั้งถอนขนและบำรุงผิวในขั้นตอนเดียวกัน อุดมไปด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ วิตามินอี กลิ่นหอมอ่นๆจากผลไม้ ใช้งานง่าย ทำเองได้ที่บ้าน เห็นผลทันใจ ในไม่กี่นาที โดยมีถึง 5 สูตรด้วยกัน แต่อันที่จะมารีวิวให้ดูวันนี้ คือ GIRLY KISS Wax Strips สูตร Strawberry (สตอเบอร์รี่) เค้าเคลมไว้ว่าเหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส มีออร่า หน้าตากล่องผลิตภัณฑ์เป็นแบบนี้ค่ะ


พอเปิดกล่องออกมา ข้างในจะเป็นซองใส มีแผ่นสีาว ลักษณะกึ่งผ้า กึ่งกระดาษ และมีเนื้อ wax สีชมพูอยู่ตรงกลาง พร้อมซองกระดาษสีชมพูหวานแหวว เขียนหน้าซองว่า Girly Kiss Finish Wipe ขนาดประมาณฝ่ามือ จำนวน 2 ซอง


GIRLY KISS Wax Strips 1 กล่อง เขียนไว้ว่ามี 10 แผ่น เมื่อแกะออกมาดูจริง จะมี 5 คู่ คู่ละ 2 แผ่น แปะติดกันอยู่ด้วยเนื้อ wax และจะมีเขียนวันที่ผลิตและวันหมดอายุพิมพ์เด่นชัดอยู่บนทุกแผ่นเลย ซึ่งในภาพจะแอบแหว่งไปคู่นึง เพราะลองเอาไปตัดเล่นแล้ว 555


ลักษณะจะเป็นแผ่นบางๆเหมือนกระดาษผสมผ้า บางๆแต่เหนียวมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเรียกว่าอะไร ถ้าจะถามว่าเหนียวแค่ไหน? ก็ขนาดที่ว่าเอามือฉีกไม่ขาดอ่ะค่ะ

ส่วนความบาง ก็บางแบบสามารถมองทะลุได้ตามภาพ ตัวเนื้อ wax เป็นสีชมพู สีจริงจะชมพูสดกว่าในรูป ประมาณสีโอโรสที่อมชมพู และมีกลิ่นหอมสตอร์เบอร์รี่อ่อนๆ กลิ่นเหมือนยางลบสตรอเบอร์รี่ พอนึกออกมะ?


แผ่น wax สามารถตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆได้ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละบริเวณของร่างกาย หลังลองตัดแบ่งครึ่งดู พบว่าเนื้อ wax ก็ยังคงสภาพนะคะ ไม่เหนียว เละ เลอะเทอะ ออกมาจากแผ่นกระดาษแต่อย่างใด


วิธีการใช้ GIRLY KISS Wax Strips ข้างกล่องมีอธิบายละเอียดยิบ ตามนี้เลยค่ะ


ก่อนเริ่มใช้งาน ให้ถูแผ่น wax ด้วยมือเพื่อเพิ่มอุณภูมิ ให้เนื้อ wax ร้อนขึ้น จะได้ละลาย และจับเส้นขนได้ ประมาณนับ 1-100 ก็ใช้ได้แล้วค่ะ แต่ถ้าใครใจร้อนไม่อยากถู ก็หยิบไดร์เป่าผม หรือที่หนีบผมขึ้นมาเลยค่ะ เป่าๆ หนีบๆ แป๊บนึง ไม่ต้องนานนะคะ แป๊บเดียวพอ เนื้อ wax ก็เหลวพร้อมใช้งานแล้วค่ะ


พอร้อน ก็ลอกกระดาษออกจากกัน ตามภาพค่ะ จะได้แผ่น wax ที่พร้อมใช้งานได้ทั้ง 2 แผ่นเลย


มาลองใช้กันค่ะ นี่คือหน้าแข้ง ที่มีขนขึ้นพอสมควร เส้นขนไม่หนาเท่าไหร่ เพราะปกติถอนขนหน้าแข้งอยู่แล้ว แต่ลักษณะเส้นขนจะค่อนข้างเส้นใหญ่อยู่เหมือนกันค่ะ ก่อนถอนขนก็อาบน้ำก่อน เพื่อเปิดรูขุมขนและทำให้เส้นขนนุ่มขึ้น จะได้ลอกออกง่าย


ต่อมาแปะแผ่น GIRLY KISS Wax Strips ลงไปค่ะ แล้วรีดให้เรียบ ถูๆ ไปเรื่อยๆ ซักแปปนึง ถูแบบรีดให้เรียบไปเลยค่ะ


หลังจากนั้น กระชากค่ะ จะใช้คำว่าดึง ก็คงน้อยไป ขอใช้คำว่ากระชากไปเลย จะได้ทีเดียวจบ นับ 1-3 แล้วกระชากย้อนแนวขนไปเลยค่ะ พรืดเดียวจบ ย้ำว่า ให้ดึงย้อนแนวขนนะคะ เพื่อให้ขนหลุดออกมาได้ดีขึ้น

จากภาพจะสังเกตุเห็นว่าพอดึงแผ่น GIRLY KISS Wax Strips ออกมา สีผิวบริเวณที่ดึงซีดเป็นวงไปเลยจ้าาาา เฮือกกกกก ลอกแค่ขน ไม่ได้ลอกหนังกำพร้าไปด้วยใช่ม๊ายยยยย แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่แสบ ไม่เจ็บ แป๊บนึงสีผิวก็เสมอกันเหมือนเดิม


มาซูมผลงานค่ะ ดูปริมาณขนที่หลุดออกมา แท่นแทนนนนนน ... มีทั้งขนบางๆ และขนเส้นใหญ่นะคะ สังเกตุว่าจะหลุดแบบถอนโคนออกมาเลย แต่ถามว่าลอกครั้งเดียวหมดเกลี้ยงมั๊ย ก็ไม่ได้เกลี้ยงขนาดนั้นค่ะ ต้องลอกซ้ำ แต่ถ้าคนที่เส้นขนบาง อาจจะครั้งเดียวเนียนเลยก็ได้ คงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะคะ


แผ่น GIRLY KISS Wax Strips สามารถใช้ซ้ำได้นะคะ ลอกออกมาแล้วเอาแผ่นเดิมแปะซ้ำเข้าไปใหม่ได้เลย แต่ก่อนแปะ ควรเอาไดร์มาเป่าก่อน เพื่อวอร์มเนื้อ wax ให้เหลวอีกที ไม่งั้นตัว wax จะเริ่มแห้งแล้วจะลอกขนไม่ติดค่ะ ส่วนจะใช้ซ้ำได้กี่ครั้ง เอาจริงๆนะ ไม่รู้ 555 แต่เท่าที่ลองเอง ซ้ำไป 2 รอบ รวมใช้รอบแรก เป็น 3 ครั้ง/แผ่น ตัว wax ก็ยังเหนียวพอใช้ได้อยู่ แต่เอาไดร์มาเป่าก่อนใช้ซ้ำนะ

หลังลอกขนเรียบร้อยแล้ว ให้ทำความสะอาดด้วยแผ่น GIRLY KISS Finish Wipe ที่แถมมาให้ โดยจะเป็นซองสีชมพูน่ารักกุ๊กกิ๊ก ขนาดประมาณฝ่ามือ เมื่อแกะออกมาจะเป็นแผ่นเหมือนกระดาษไขที่มีน้ำมันเคลือบอยู่ ดมดูกลิ่นเหมือนเบบี้ออยล์ พับทบกันอยู่หลายทบมากกกก ตัวนี้น่าจะใช้เพื่อช่วยกำจัดคราบ wax ให้สะอาดหมดจด บำรุงผิวหลังการถอนขน ให้ผิวเนียนนุ่ม และกระชับรูขุมขน


ที่พับทบๆไว้ตอนแกะจากซอง พอลองกางออกมาได้ขนาดใหญ่พอสมควรค่ะ ประมาณ 2 มือต่อกันนิดหน่อย ซึ่งตัวตาลเองไม่ได้ใช้ทั้งแผ่นนะคะ เพราะใช้แผ่น wax ไปแค่คู่เดียว กลัวไม่เหลือใช้คราวหน้า เลยตัดครึ่งไปค่ะ ก็ใช้พอนะ เช็ดสะอาดดี เพราะคราบ wax ที่เหลือติดขา ก็ไม่ได้เหนียวอะไรมากมาย


เปรียบเทียบ ก่อนใช้ กับหลังใช้ แบบทั้งขา ตามภาพคือออกไปพอสมควรนะคะ แต่ไม่ได้เกลี้ยงสนิท ยังเหลือขนอยู่เป็นบางจุด ต้องใช้แหนบเก็บรายละเอียดเพิ่มอีกที และในภาพที่เห็น คือทำการลอกไป 2 ครั้งค่ะ


ความรู้สึกหลังใช้ ก็โอเคค่ะ เวลาดึงก็ไม่เจ็บ หลังดึงขนออกแล้วก็ไม่แสบผิว ใช้งานง่าย แต่เวลาใช้กับหน้าแข้ง แผ่นเดียวมันยาวไม่พออ้ะ ต้องลอกๆ แปะๆ หลายทีกว่าจะทั่ว แล้วก็ขอหักคะแนนตรงแผ่น Finish Wipe ที่ไว้เช็ดหลังถอนขน รู้สึกว่าให้มาจำนวนน้อยไปค่ะ น่าจะเพิ่มให้อีกนิดนะ กลัวหมด ไม่รู้จะใช้อะไรเช็ด


GIRLY KISS Wax Strips ผลิตภัณฑ์กำจัดขน มีทั้งหมด 5 สูตรด้วยกัน แต่ละสูตรก็จะมีส่วนผสมที่โดดเด่นต่างกันไป

- Blueberry เพื่อผิวกระชับเรียบเนียน
- Kiwi เหมาะกับผิวแห้ง 
- Chocolate เหมาะกับผิวแพ้ง่าย 
- Lemon เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
- Strawberry เหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส มีออร่า

ราคาบนกล่อง 150 บาท (แต่แอบเห็นขายกันทั่วไปตามเว็บต่างๆ ราคาประมาณ 90-100 บาท)
เลขที่รับแจ้ง 10-1-5855934

ใครชอบสูตรไหนลองเลือกใช้กันได้เลยค่ะ สั่งซื้อหรือสอบถามได้ที่ แฟนเพจ GirlyKiss Official จ้า

ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)





หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก GIRLY KISS Wax Strips และ https://th.revu.net
อ่านต่อ >>>

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิว KIN Japanese Buffet & Ramen บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่น @อเวนิวรัชโยธิน

ปาร์ตี้แก๊งตัวแตกของอิชั้นวันนี้วางแผนกันไว้ว่าอยากจะไปกินปลาดิบกันค่ะ และตามประสาคนงบน้อยแถมขี้เกียจไปไหนไกลออฟฟิศ จึงจิกปลายนิ้วจิ้มถามอากู๋(เกิ้ล) ว่ามีโปรโมชั่นบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นที่ไหนที่ไม่แพง และอยู่ใกล้ออฟฟิศบ้าง

ชั่วอึดใจ ยังไม่ทันที่อากู๋จะแสดงผลค้นหาออกมา เพื่อนสาวชาวแก๊งตัวแตกคนหนึ่งก็ส่งภาพๆหนึ่งเข้ามาพอดี พร้อมบอกว่าแกรๆๆๆๆๆ ไปกินกันเถอะ ไปกินกันเถอะ ภาพนั้นก็คือ ...



กรี๊ดดดดดดด หวีดร้องกันไปอี๊กกกกก ลดตั้ง 30% ดังนั้นสรุปแบบไม่ต้องคิดให้มากความ มื้อนี้ต้องเป็นที่ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen เท่านั้นค่ะ  ราคาสบายกระเป๋า แถมมีปลาดิบ ซาซิมิิ ให้กินด้วย ประหยัดสุด คุ้มสุด แต่มีเงื่อนไข 3 ประการ คือ

1. คุณต้องเป็นผู้หญิง เท่านั้น (จึงจะได้ลด 30%)
2. คุณต้องไปกินวันพุธ-พฤหัส เท่านั้น (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
3. คุณต้องไปกินที่ ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน เท่านั้น (สาขาอื่นมีโปรอื่น แต่ไม่มีโปร Lady's Day)

ไงคะ เงื่อนไขง่ายๆ ใครทำได้ตามมาค่ะ!!!

พิกัดร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen จะอยู่ อยู่ตรงวงเวียนกลางอเวนิวพอดีเลย ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen อยู่ชั้น 2 ของอาคาร มีป้ายชื่อร้าน ป้ายใหญ่มากกกกกก โชว์อยู่ ไม่มีหลงแน่นอน จุดสังเกตุคือ ชั้น 1 จะเป็นร้านกาแฟอเมซอน ส่วนฝั่งตรงข้าม ชั้น 1 จะเป็นธนาคารกรุงเทพ


ถึงหน้าร้านแล้วววว มีป้ายใหญ่ ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen พร้อมน้องแมวรอกวักมือเรียกเป็นฝูง น่ารักกกก (ขออภัย ถ่ายรูปน้องแมวกวักไม่สวย ย้อนแสงสุดพลัง -___-" )




อ่ะๆๆๆ ป้ายโปรโมชั่น Lady's Day แปะชัดเจน ใช้สิทธิ์ได้แน่นอนนนนน



หน้าร้าน จะมีราคาบุฟเฟ่บอกไว้เลย ปกติบุฟเฟ่ราคา 535 บาท ราคานี้รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แต่วันนี้โปรโมชั่น Lady's Day ลดไปค่ะ 30% คริๆๆๆ

อ่อ... สามารถสั่งอาหารได้จนถึง 21.30 น. แต่นั่งได้จนถึง 22.00 น. เวลาร้านปิดค่ะ



เข้ามาในร้าน สถานที่กว้างขวาง เรียบง่าย สะอาด และไฟสว่างดีค่ะ ไลน์อาหารจะอยู่ติดผนัง ฝั่งห้องครัว ที่นั่งรับประทานจะอยู่ฝั่งกระจก ใครได้โต๊ะริมกระจก สามารถนั่งชมวิว(ถนน) ชิวๆได้เลยนะคะ



พอนั่งโต๊ะพนักงานก็จะเอาเมนูมาให้ แล้วเราก็เริ่มสั่งได้เลยค่ะ ซึ่งบุฟเฟ่จะสามารถสั่งอาหารทุกอย่างในเมนูได้เลย แต่สำหรับเมนูข้าวปั้น อาหารทานเล่น ซุป สลัด ของหวาน ไอศครีม จะเตรียมไว้ให้ตักเอง ที่ไลน์บุฟเฟ่ค่ะ

เอ้า อาวุธพร้อม งั้นลุย!!! ไปดูไลน์บุฟเฟ่ ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen กัน



เริ่มต้นที่โซนเครื่องดื่ม

บุฟเฟ่ที่นี่ ราคารวมเครื่องดื่มแล้วนะคะ เครื่องดื่มจะมีน้ำอัดลม น้ำชาเขียว น้ำเก็กฮวย น้ำอัญชัญ และน้ำเปล่า ซึ่งเครื่องดื่มถือว่ารสชาติดีมากทีเดียว


น้ำเก็กฮวย - ส่วนมากที่เคยเจอ น้ำเก็กฮวยตามร้านบุฟเฟ่มักจะหวานจัด ไม่ก็จืดสนิทไปเลย แต่น้ำเก็กฮวยที่นี่ รสชาติหวานนิดๆ กำลังดี ไม่บาดลิ้น หอมในคอ ดื่มชื่นใจดี

น้ำอัญชัญ - รสชาติกลมกล่อม อธิบายไม่ถูกอ่ะ แต่อร่อยดีเช่นกัน

น้ำชาเขียว - เป็นชาเขียวแบบจืดค่ะ จืดสนิทเลย แต่ก็หอมกลิ่นชา กินล้างปากแก้เลี่ยนได้ดี แต่ไม่มีแบบร้อนนะคะ มีแต่แบบเย็น

สรุป มุมเครื่องดื่ม อร่อยไปหมดทุกน้ำเลย เผลอดื่มตัดกำลังไปตั้งหลายแก้วแน่ะ


ถัดจากเครื่องดื่มจะเป็นโซนโรลมากิ ข้าวปั้นสารพัดหน้า ละลานตาพอควร แต่ๆๆๆ ที่เห็นนี่คือในไลน์บุฟเฟ่นะคะ แต่ถ้าขี้เกียจตัก หรือเดินไปส่องแล้วไม่ถูกใจ คุณสามารถเปิดเมนูแล้วสั่งจากเมนูเลยก็ได้ สั่งได้ทุกอย่างที่มีในเล่มเมนูเลยค่ะ แต่ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปเมนูมานะคะ เยอะเกินอ่ะ








ถัดจากโซนข้าวปั้น จะเป็นโซนอาหารหนักขึ้นมาอีกนิด เป็นพวกข้าวแกงกะหรี่ มีไก่คาระเกะชิ้นน้อยๆ และปลาทอด ปลาไข่ กุ้งทอด ไข่ตุ๋น และอื่นๆที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาก็เป็นพวกโซนสลัดผัก ขนมจีบ ซาลาเปา ซุปต่างๆ





นอกจากในไลน์บุฟเฟ่แล้ว ในเล่มยังมีเมนูพิเศษ สำหรับลูกค้าบุฟเฟ่ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen เท่านั้น คือเมนู ราเม็งหม้อไฟ!!!

เห็นเค้าสั่งกันแทบทุกโต๊ะเลย แต่วันนี้แก๊งตัวแตกของเรามุ่งมันกับปลาดิบมากกว่า จึงยังไม่ของลองเมนูหม้อไฟนี้ค่ะ แต่ดูสีของโต๊ะอื่น ท่าทางจะแซ่บแท้น้อ ไว้โอกาสหน้าจะมาลองดู แต่หม้อใหญ่นะคะ ประมาณหม้อเอ็มเคอ่ะ มาเต็มหม้อเลย เรียกได้ว่าคงยัดอย่างอื่นต่อไม่ไหว 555



จากนั้น มีสั่งเพิ่มเติมเป็นจากในเล่มเมนูค่ะ เริ่มต้น วัตถุประสงค์หลักของเราในวันนี้ นั่นคือ ปลาดิบ (ซาซิมิ) นั่นเองงงงงง

ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen ในส่วนของบุฟเฟ่จะมีปลาดิบ (ซาซิมิ) ให้สั่ง แค่ 4 รายการ คือ แซลม่อน ปลาทูน่า ปลาซาบะ และ ปลาหมึกยักษ์ค่ะ





และอีกเมนูที่หน้าตาดูน่ารักน่าสั่งน่ากิน ก็คงไม่พ้นจานนี้ ข้าวปั้นหน้าปลาทูน่าเบิร์นมาโย 1 ที่ มี 2 คำ เป็นปลาทูน่าห่อด้วยมายองเนสโรยไข่กุ้ง ตกแต่งด้วยต้นทานตะวันงอก น่ารักคาวาอี้เป็นที่สุด กินแล้วก็อร่อยดีค่ะ แต่กินเยอะก็คงเลี่ยนมายองเนสเหมือนกันอ่ะนะ



ต่อไปเป็นโซนยำปลาดิบบ้างค่ะ เค้าจะมียำ 2 แบบให้เลือก คือ ยำจี๊ดจ๊าด กับยำคิน(Kin)
อ่ะแน่ะ งงดิ่ ต่างกันยังไง ไม่ต้องงงค่ะ ง่ายๆเลย อธิบายตามนี้นะ

ยำจี๊ดจ๊าด จะเป็นยำแบบน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติจะเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม เหมือนกินกุ้งแช่น้ำปลาน่ะ แต่ก็ไม่ได้เผ็ดมากมายนะคะ กินได้เพลินๆ แก้เลี่ยนดีอยู่ มีสาหร่ายและไข่กุ้งโรยหน้า

 ยำจี๊ดจ๊าดแซลม่อน


ส่วนยำคิน(Kin) จะเป็นยำแบบผสมน้ำสลัดหรือน้ำมายองเนส รสชาติจะไม่เปรี้ยวจัด ไม่เผ็ดจัด นัวๆ กลมกล่อม อร่อยดี กินเยอะก็ไม่แสบลิ้น กินเพลิน มีหอมแดงและพริกซอยโรยหน้า


ยำคิน Kin รวมปลาดิบ

ถามว่าอันไหนอร่อย ตอบเลยอร่อยทั้งคู่ 555 ดังนั้น ควรลองสั่งมาชิมอย่างละ 1 ค่ะ
สำหรับทั้ง 2 ยำนี้ สามารถเลือกได้นะคะ ว่าจะยำกับปลาดิบอะไร หรือจะสั่งเป็นรวมปลาดิบก็ได้ค่ะ


ต่อไปเก็บตกด้วยอาหารคาวซักนิด เป็นประเภทกระทะร้อน เพื่อให้อยู่ท้อง หลังฟาดปลาดิบไปครึ่งมหาสมุทร เราขอเสนอเมนู สเต็กหมูกระทะร้อน

คือจะบอกว่ามันดูธรรมดามากเลย สเต็กหมูกระทะร้อน แต่มันอร่อยอ่ะ คือเนื้อหมูนุ่มกำลังดี รสชาติเค็มๆนิดๆ กินกับผัดผัดข้างๆ คือดีงาม แต่อย่ากินผัดผักเปล่าๆนะ จืดไป๊ ให้คีบหมูก่อน ถูๆน้ำซีอิ๊วที่ติดก้นถาดด้วย เอาเข้าปาก แล้วค่อยคีบผักตาม อะโหยยยย ฟินโว้ยยย นี่คือไปๆมาๆ ชอบมากกว่าปลาดิบละนะ 5555


ใครชอบเห็ดออรินจิ เค้าก็มีให้นะ ผัดๆแบบนี้แหละ กินเดี่ยวๆ จืดมากค่ะ แต่ถ้ากินกะเสต็กกระทะร้อน จัดว่าดีงามเช่นกัน


จบของคาว ของหวานเค้าก็มีค่ะคุ๊นนนน แต่ไม่ได้เก็บภาพค่ะ อิ่มเกิน ความขี้เกียจเข้าครอบงำ
ไอศครีมมีให้ตักกันเองตามอัธยาศัย วันที่ไปมี 4 รส คือ ชอคโกแลต ชอคชิพ วานิลลา สตอร์เบอร์รี่ ตาลกินแต่ชอคโกแลตก็รสชาติอร่อยดี ไม่หวานมากไปและไม่ขม กินเพลินดีค่ะ และตู้ขนมหวาน ซึ่งมี 2 อย่าง คือ เค้กวนิลาและเยลลี่ส้ม ก็ทั่วๆไป คงพอนึกภาพกันออกแหละเนอะ อันนี้ไม่ได้กินไม่รู้รสชาติเป็นไง


มาถึงจุดนี้ มีความท้องจะแตก #ใต้คำว่าอิ่ม  #ใต้คำว่าเกินไป  #ใต้คำว่าพอเถอะ 
โอเค พอ ปิดจ๊อบ คิดเงินค่ะ น้องจ๊ะคิดราคาโปร Lady's Day ให้พี่ด้วยจ้า
บิลมาจ่ายคนละ 375 บาท ไม่มีเซอร์วิส 10% ด้วยแหละเหวยยยยย เหยคือดี คุ้มเนอะ



สำหรับใครที่กำลังมองหาบุฟเฟ่ปลาดิบราคามิตรภาพ ขอให้รีบปรี่เข้ามาร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen เลยค่ะ สำหรับเรา เราว่าโอเคเลยนะ สำหรับเรทราคานี้ และรายการอาหารที่สั่งได้ จริงๆมีเมนูอีเยอะมาก แต่สั่งไม่หมด กินไม่ไหว แชร์ภาพให้ได้เท่าที่กินจริงอ่ะเนอะ ส่วนตัวประทับใจและคิดว่าจะไปกินด้วย โปร Lady's Day นี้อีกแน่ๆจ้า

โปร Lady's Day เริ่มเมื่อ 16 มิ.ย.59 แต่ยังไม่ทราบกำหนดวันสิ้นสุดโปรโมชั่น ยังไงลองสอบถามกับที่ร้านหรือที่หน้าแฟนเพจของ ร้าน KIN Japanese Buffet & Ramen อีกทีนะคะ หรือดูโปรโมชั่นอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ  Kin Group


ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)

อ่านต่อ >>>