วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไทม์ แคปซูล Time Capsule ฟื้นฟูสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ผิวสวยสุขภาพดีด้วยแอสต้าแซนทีน วันละเม็ดก่อนนอน

วันนี้จะมาพูดถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับดูแลฟื้นฟูสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกค่ะ พออายุเริ่มมากขึ้น ทำงานมากขึ้น พักผ่อนน้อยลง ปัญหาสุขภาพก็ตามมา ก็ทำให้สุขภาพไม่ค่อยดี มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดขา ปวดหลัง ปวดตัว ปวดเอว เป็นเหน็บชาบ่อย สงสัยจะแก่แล้วจริงๆ -__-"

และผิวพรรณก็ดูโทรมลง มักจะมีปัญหาเวลาแต่งหน้า คือตรงแก้มจะเป็นขุยๆ เหมือนเวลาอากาศแห้งแล้วผิวเป็นขุยๆขาวๆอ่ะค่ะ แต่บริเวณทีโซนมันนะ และเป็นคนไม่ค่อยทาครีมด้วย ดังนั้นผิวเลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เวลาแต่งหน้าลงแป้งรองพื้น จะเห็นชัดเลยว่าตรงแก้มเป็นขุยๆ ทุกวันนี้เลยต้องใช้แต่บีบีครีม หรือรองพื้นแบบน้ำมาตลอด หน้าจะดูโกลว์ตลอดเวลา ไม่ใช่อยากจะเกาหลีนะ แต่เราแต่งหน้าแล้วไม่ลงแป้งต่างหาก 555+++

ปัญหามาเยอะมาเต็มขนาดนี้ ก็คงถึงเวลาที่ควรจะหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาดูแลร่างกายเพิ่มเติมซะทีเนอะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะมารีวิววันนี้ คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมหลักจาก Astaxanthin (แอสต้าแซนทีน), CoenzymeQ10 (โคเอนไซม์คิวเท็น) และ Rice Bran Oil (น้ำมันรำข้าว) ชื่อว่า Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) คือตอนแรกไม่ได้ตั้งใจกินนะ แต่มีเพื่อนชวนหาร เพราะตอนนั้นมันมีโปร 2 กล่องราคาพิเศษ เราก็ใจง่าย ลองกินดูก็ได้

พอกินครบกล่อง เฮ่ยยยยยยย คือมันโอเคเลยอ่ะ กินต่อเนื่องแล้วมันดีจริงๆ มันช่วยเรื่องสุขภาพและเรื่องผิวได้จริงๆ เลยอยากมาเล่าให้ฟังกันค่ะ



คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ภายในร่างกาย ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นต่างๆ ภายในร่างกายให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ลดอาการเมื่อยล้า บำรุงสายตาและผิวพรรณ



ส่วนผสม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก 3 ชนิด คือ Astaxanthin (แอสต้าแซนทีน) , CoenzymeQ10 (โคเอนไซม์คิวเท็น) และ Rice Bran Oil (น้ำมันรำข้าว) ซึ่งส่วนผสมแต่ละตัวมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพโดยรวมได้ และออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน



1. Astaxanthin (แอสต้าแซนทีน) – โดยนำสาหร่ายสีแดงสายพันธุ์ ฮีมาโตค็อคคัส พลูวิเอลิส มาสกัดเป็นแอสต้าแซนทีนบริสุทธิ์  สามารถชะลอการเสื่อมสภาพในระดับเซลล์ได้มีประสิทธิภาพ

     - ดีกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า
     - ดีกว่าวิตามินอี 550 เท่า
     - ดีกว่าชาเขียว 50 เท่า
     - ดีกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า

และ นอกจากเรื่องผิวพรรณแล้ว แอสต้าแซนทีน ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพมากมาย เช่น ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ป้องกันและบำรุงสายตา ลดอาการเมื่อยล้าของสายตา ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

2. CoenzymeQ10 (โคเอนไซม์คิวเท็น) - ช่วยเพิ่มพลังงานในระดับเซลล์ ซึ่งจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์

3. Rice Bran Oil (น้ำมันรำข้าว) - ตัวช่วยผสาน แอสต้าแซนทีน และ CoenzymeQ10 และให้สาร แกมม่า ออริซานอล ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดสะอาด

อืม... คุณสมบัติสารสกัดแต่ละตัวคือดูดีเนอะ ได้ทั้งผิวสวย ทั้งสุขภาพดี ที่กล่องมีเลข อย.ด้วย เพราะฉะนั้นปลอดภัยรับประทานได้ชัวร์ งั้นจะช้าทำไม ซื้อมาแล้วก็แกะกล่องให้ไวสิคะ


ขนาดบรรจุ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) 1 กล่อง จะมีทั้งหมด 30 เม็ด
โดยแบ่งเป็น 3 แผง แผงละ 10 เม็ด


ตัวเม็ดอาหารเสริมจะเป็นเม็ดแบบซอฟท์เจล คือเป็นเม็ดแบบหยุ่นๆ ถ้าบีบแรงก็แตกอ่ะ ถ้าแตกจะเป็นสีแดงๆ แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่า เม็ดอาหารเสริมจะเห็นเป็นสีออกดำๆเหลือบแดงนิดๆ


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) ด้านหน้า

ด้านหลังแผง จะประทับโลโก้ Time Capsule เอาไว้ด้วย พร้อมระบุ Lot การผลิต และวันที่หมดอายุ ซึ่งวันที่หมดอายุนี้ จะมีพิมพ์แจ้งไว้บนกล่องด้วยเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) ด้านหลัง


วิธีรับประทาน
รับประทาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) วันละ 1-2 เม็ด ก่อนนอน

แค่นี้เหรอ???

ใช่แค่นั้นเลย ง่ายได้อีกกกกก กินง่าย ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องกินหลายเม็ด ประโยชน์ครบจบในเม็ดเดียว เหมาะสำหรับคนขี้เกียจแบบเราสุดๆ แถมช่วยทั้งเรื่องสุขภาพและผิวพรรณได้เลย


เลข อ.ย. 
10-1-01949-1-0861


ราคา
เค้าจะมีโปรโมชั่นออกมาตลอด ตอนที่เราซื้อก็พันกว่าบาท ยังไงลองตรวจสอบราคาโปรโมชั่นของแต่ละเดือนอีกทีที่เว็บไซต์ www.shop1781.com หรือ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1781 (ตลอด 24 ชม.)


ผลลัพธ์
อยากจะบอกว่า รีวิว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Time Capsule (ไทม์ แคปซูล) นี้เป็นการรีวิวผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวน้ำตาลเองคนเดียวนะคะ จากที่ใช้ก็ต้องบอกว่าเห็นผลดี เป็นที่น่าพอใจมากค่ะ จากที่รับประทานมา 1 กล่อง 30 วัน รู้สึกว่าผิวเนียนขึ้น ผิวนุ่มขึ้น ขุยๆที่หน้าตรงแก้มก็ลดลงไปเยอะมาก คือไม่ถึงกับหายเกลี้ยงนะ แต่เห็นเลยว่าผิวหน้าดีขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้นเยอะ แต่เรื่องความขาว อันนี้ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ ไม่ได้สังเกตุ เลยตอบไม่ได้ว่าช่วยเรื่องขาวด้วยมั๊ย แต่ถ้าผิวเรียบเนียนขึ้น นุ่มขึ้น อันนี้โอเคเลย

เรื่องอาการปวดตัว หรือเหน็บชา ก็รู้สึกว่าดีขึ้น คือไม่เป็นบ่อยๆ อาจจะยังมีปวดข้อ ปวดตัวบ้าง เวลานั่งนานๆ ยืนนานๆ แต่ไม่มากแบบเมื่อก่อนค่ะ ให้แม่ลองกินดู แม่ก็ว่าดีนะ แต่ก็อย่างที่บอกว่า เป็นผลลัพธิ์เฉพาะบุคคล ถ้าใครจะให้คุณพ่อคุณแม่ทานตัวนี้ ก็ได้นะ แต่ถ้ามีโรคประจำตัวก็อย่าลืมเช็คกับคุณหมอก่อนรับประทานนะคะ

จากการทดลองกินมา ผลที่ได้นอกจากผิวที่ดีขึ้น อาการปวดเมื่อยลดลงแล้ว ยังไม่พบอาการข้างเคียงอะไรเลยนะ รู้สึกสบายดี กินได้ นอนหลับสนิท ไม่คลื่นไส้ เวียนหัว ขับถ่ายก็ปกติ คือใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากเดิมเลย ซึ่งมันโอเคมากเพราะไม่กระทบการใช้ชีวิตปกติเลย แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าใครมีโรคประจำตัวลองให้ปรึกษาคุณหมอ หรือโทรปรึกษาเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ดูก่อนที่เบอร์ 1781 เค้ารอรับสายตลอด 24 ชม. เลยค่ะ

วิธีการสั่งซื้อ-สอบถามข้อมูล-ช่องทางการติดต่อ
สามารถสั่งซื้อได้จากช่องทางดังนี้

1. เว็บไซต์ Shop1781 : www.shop1781.com
2. คอลเซ็นเตอร์ : โทร. 1781 (ตลอด 24 ชม.)
3. ทางไลน์ LINE@ : @timecapsule




ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)



อ่านต่อ >>>

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser มูสล้างหน้าพร้อมหัวแปรงซิลิโคน ล้างหน้าสะอาดหมดจดในขั้นตอนเดียว

เห็นโฆษณาผ่านตามาพักใหญ่แล้ว กับผลิตภัณฑ์ Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าที่มีคริส หอวัง มาเป็นพี่เซ็นเตอร์ ซึ่งจากคำเคลม บอกว่าสามารถล้างหน้าและเครื่องสำอางได้หมดจดในขั้นตอนเดียว ทำให้ Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ น่าสนใจขึ้นมาในทันที เพราะสำหรับผู้หญิงที่ขยันน้อยแบบเรา ถ้ามีอะไรที่ง่ายสุด จบครบในขั้นตอนเดียวได้ จะตอบโจทย์ชีวิตอิชั้นที่สุดค่ะ!!!


ส่วนผสมสำคัญของ Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ มี 3 ตัว คือ
1. สารสกัดจากเกฟฟรุต ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และผลัดเซลล์ผิวเก่า
2. สารสกัดจากไวท์เกรฟ เติมความชุ่มชื่นให้ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม
3. สารสกัดจากโอลีฟ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน


Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ มูสล้างหน้าในขั้นตอนเดียวตัวนี้ นอกจากคำเคลมที่ว่าล้างหน้าและเครื่องสำอางได้หมดจดด้วยฟองมูสเนื้อแน่นแล้ว ยังมีจุดเด่นเป็นนวัตกรรมหัวแปรงซิลิโคน ที่ออกแบบมาอย่างอ่อนโยนไม่บาดผิว ช่วยขจัดความสกปรก และผลัดเซลล์ผิวเก่าและขจัดสิวเสี้ยนได้ด้วย เด๋วตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าหัวแปรงซิลิโคนนี้มันจะเลิศขนาดไหน

หัวแปรงจะมีพลาสติกครอบอยู่ วิธีการเอาฝาครอบออก ก็แค่บีบเบาๆ เหมือนเวลากดอ้าไม้หนีบผ้า ตรงที่หนีบคอขวด


จากที่สัมผัส หัวแปรงเค้านุ่มมากค่ะ จับแล้วนุ่มมือ ไม่รู้สึกระคายเคืองเลย จากภาพจะเห็นว่า มีรู 4 รูอยู่ที่หัวแปรง และหัวแปรงซิลิโคนสามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้ ลองแกะดูก็แกะไม่ยาก ใส่กลับก็ไม่ยาก เนื้อซิลิโคนไม่หนาไม่บาง ดูแล้วไม่น่าจะฉีกขาดง่าย น่าจะใช้งานได้นานอยู่ค่ะ


รู 4 รูอยู่ที่ปลายขวด และที่ตัวหัวแปรง เวลาเรากดตรงหัวปั๊ม เนื้อมูสโฟมล้างหน้าก็จะแทรกตัวออกมาจากรูทันทีเลย แต่แนะนำให้กดทีละไม่เกิน 3 ปั๊มนะคะ ไม่งั้นฟองจะย้อยลงมาที่คอขวดหมด อ่อ... แล้วอย่าลืมเขย่าขวดก่อนนะคะ มูสฟองจะได้ออกมาฟูๆค่ะ


ต่อไป มาเริ่มทดสอบกันค่ะ ว่าที่เค้าเคลมไว้ว่า Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ สามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจดในขั้นตอนเดียว มันจริงมั๊ย???

ว่าแล้วก็เอาเครื่องสำอางเท่าที่มีมาละเลงลงที่ขาเลยค่ะ ตามภาพ เรียงจากบนลงล่าง ดังนี้
  ลิปสติก
  ลิปกลอส
  รองพืนแบบครีม เนื้อหนา (เน้นปกปิด)
  รองพื้นแบบครีม เนื้อบาง
  ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาล
  ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเข้ม
  อายไลน์เนอร์แบบน้ำ (กลอสซี่)
  อายไลน์เนอร์แบบพู่กัน(แมตท์)
  มาสคาร่ากันน้ำ 1
  มาสคาร่ากันน้ำ 2

รอบแรก จะใช้แค่เนื้อมูสล้าง ยังไม่เอาแปรงซิลิโคนถูนะคะ โดยวิธีการล้าง ก็เอานิ้ววนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ น้ำหนักที่กดก็เท่ากับตอนล้างหน้า ไม่ถูแรงนะคะ ได้ผลออกมาแบบนี้ ...


เครื่องสำอางทุกตัวล้างออกไปพอสมควรค่ะ แต่ลิปยังเหลือเยอะเลย มาสคาร่า 1 ก็ยังไม่ออก งั้นไปต่อค่ะ

รอบ 2 มาลองใช้หัวแปรงซิลิโคนดูบ้าง โดยล้างแบบเดิม คือวนเป็นวงกลมไปทั่วๆ น้ำหนักเท่าเดิมกับที่ล้างไปเมื่อกี๊ ถูวนไปเรื่อยๆซักครู่ เวลาเท่าที่ถูหน้าปกติค่ะ ได้ผลออกมาแบบนี้ ...


โอ้ววววว ได้ผลดีเกินคาด เครื่องสำอางหายไปเกือบหมดเลย เหลือคราบอยู่เล็กน้อยก็มีแค่ลิปสติก และมาสคาร่า 1 เท่านั้นเอง งั้นลองล้างหน้าจริงดู ไปค่ะ ไปต่อ

เริ่มจากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แล้วกดหัวปั๊มให้เนื้อมูสโฟมออกมาค่ะ แล้วถูเลย ถูวนไปเรื่อยๆ แก้ม จมูก หน้าผาก ถูให้หมดค่ะ จะสังเกตุเห็นว่าตัวมูสโฟมจะค่อยๆน้อยลง คือไม่เป็นฟองเยอะๆแบบตอนแรก เราก็กดเพิ่มไปค่ะ ตอนกดเพิ่มอาจกดไม่ค่อยสะดวกเพราะมือเริ่มลื่น จับขวดดีๆนะคะ เดี๋ยวขวดร่วง


พอถูไปเรื่อยๆ จะเห็นชัดเลยว่าสีของฟองมูสมันจะเปลี่ยนสีไป จากสีขาวเป็นสีเนื้อของรองพื้น ถูตรงคิ้วฟองก็เป็นสีน้ำตาล เห็นชัดจากฟองเลยว่า มีเครื่องสำอางหลุดออกมา ดูที่หัวซิลิโคนกันชัดๆเลยค่ะ

หัวแปรงซิลิโคน ก่อนล้างหน้า - อย่าบีบออกมาเยอะ มันจะหยด

หัวแปรงซิลิโคน หลังล้างหน้า - ใช้รองพื้นหนา ล้างออกมาเป็นแบบนี้เลย

หลังล้างน้ำเปล่าแล้ว ผิวหน้านุ่ม ไม่รู้สึกแห้งตึง หรือแสบผิวค่ะ ลองเช็คความสะอาดอีกที ด้วยโทนเนอร์ ผลออกมาคือบริเวณผิวหน้า แก้ม หน้าผาก สะอาดหมดจดดีค่ะ แต่ตรงบริเวณรอบดวงตายังไม่โอเค คืออายไลน์เนอร์ยังหลุดออกไม่หมด ทั้งตัวเส้นที่ขอบตาและคราบบริเวณหางตา ซึ่งผลต่างจากการทดสอบด้วยการป้ายที่ขาในครั้งแรก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจว่าพื้นที่แนวขนตากับพื้นที่ขามันไม่เหมือนกันเนอะ ใช้อายรีมูฟเวอร์เช็ดออกอีกทีก็ได้


สำหรับการทดลองใช้งาน Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ บอกเลยว่าพอใจมากกกกกก รู้สึกเลยว่าชีวิตจะง่ายขึ้นถ้ามีหัวแปรงซิลิโคนนี้ ส่วนเรื่องความขาว ความใสที่เคลมไว้ คงต้องลองดูยาวๆนะคะ ว่าช่วยได้จริงรึเปล่า ใช้แค่ครั้งเดียว คงยังตอบไม่ได้เนอะ

Cathy Doll Ready 2 White 2 in 1 Bubble Mousse Cleanser เรดี้ทูไวท์ บับเบิลมูสคลีนเซอร์ มีวางจำหน่าย 2 ขนาด คือ


ขนาดใหญ่(มีหัวแปรงซิลิโคน) ขนาด 120 ml. ราคา 195 บาท
ขนาดเล็ก(หัวปั๊มไม่มีหัวแปรงซิลิโคน) ขนาด 70 ml. ราคา 79 บาท

สาวๆคนไหนสนใจอยากลองหามาใช้ สามารถไปหาซื้อกันได้ ตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปจ้า


ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)



หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก Cathy Doll และ https://th.revu.net
อ่านต่อ >>>

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก ภาค2 (ภาคต่อ) ของ DI4 : ไอดี4 สงครามวันดับโลก

สวัสดีชาวโลก นี่เราเอง วันนี้เรามารีวิวหนังอีกแล้ว แต่มาคราวนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ ไม่ได้มารีวิวหนังคัลท์ หนังแนว หนังแผ่น หนังไก่กาอะไร แต่วันนี้เราจะมารีวิว Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก สุดยอดหนังไซสงครามสุดล้ำระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยน ที่มาบุกโลกด้วยยานแม่ลำใหญ่เบิ้มพร้อมเทคโนโลยีและอาวุธสุดล้ำ เพื่อจ้องจะยึดครองโลกนั่นเอง


Independence Day (ID4) : ไอดี4 สงครามวันดับโลก ฉายภาคแรกเมื่อปี 1996 ที่นอกจากชื่อยาวๆแล้ว ยังมีชื่อย่อว่า ID4 ด้วยแหละ ซึ่ง ID4 เป็นหนังไซไฟที่ทำรายได้ถล่มทลาย ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในเวลานั้น แต่ตัวตาลเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยดูรึเปล่า เพราะภาคแรกก็นานเกิ๊น ถึงดูแล้วก็คงลืมเหอะ นี่หลังจากดูภาค 2 แล้ว ก็กะว่าจะไปขุดหาภาคแรกมาดูใหม่อยู่เหมือนกันเหมือนกัน เผื่อจะอินมากขึ้น

แต่ถึงจะไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อน ก็ใช่ว่าจะดูไม่รู้เรื่อง เนื้อหาของหนังมีการอ้างอิงถึงตัวละครบางตัวในภาคแรกอยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในการชมมากนัก เพราะเนื้อหาเน้นที่เหตุการณ์ปัจจุบันมากกว่า ดังนั้น ใครยังไม่ได้ดู Independence Day (ID4) : ไอดี4 สงครามวันดับโลก ภาคแรกมาก่อน ก็สามารถดู Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก รู้เรื่อง และสนุกไปกับหนังได้เหมือนกันค่ะ

บางคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมต้อง ID4 ชื่อหนังไม่เห็นมีเลข 4 เลย เลข 4 โผล่มาจากไหน ขออธิบายตามที่ฟังพี่ๆที่ทันดูหนังเรื่องนี้ภาคแรกเค้าบอกมา ว่าเป็นเพราะวันที่ 4 คือวันชาติของอเมริกา ที่เอเลี่ยนเข้ามาบุกโลกพอดีไงล่ะ และสำหรับภาคนี้ พี่เอเลี่ยนก็มาวันที่ 4 เหมือนเดิมเป๊ะด้วย


เนื้อหาของหนัง  Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก จะพูดถึงเรื่องสงครามระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนใน 20 ปีต่อมา ซึ่งมนุษย์ได้มีการเตรียมอาวุธและกองทัพไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือของเหตุการณ์เอเลี่ยนบุกโลก โดยใช้เทคโนโลยีของเอเลี่ยนที่บุกโลกเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีและอาวุธของมนุษย์เราเอง

แต่เอเลี่ยนที่มาบุกโลกในคราวนี้ ยกกองทัพมาแบบยิ่งใหญ่ เข้าขั้นอลังการ แถมยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม มีจำนวนมากกว่าเดิม และยังมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากกว่าเดิมด้วย ทำให้เหล่ามนุษย์ต้องพยายามหาหนทางต่อสู้เพื่อปกป้องโลกใบนี้ไว้ให้ได้ เพราะนี่คือการเดิมพันด้วยโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์!!!

สำหรับเนื้อหาของหนัง Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก ส่วนตัวคิดว่ามันก็เป็นแนวเอเลี่ยนบุกโลกนั่นแหละ เนื้อเรื่องก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกใหม่อะไร แต่ชอบในความสวยของภาพมากกว่า ภาพของอวกาศ โลก กาแลคซี่ ตัวเอเลี่ยน หน้าตาแบบใกล้ๆของเอเลี่ยน ยานอวกาศ เครื่องบินรบ การยิง การรบ คือบั่บ ทุกอย่างดีงาม นี่ถ้าดูแบบ 3 มิติได้ น่าจะสนุกไปอีกกกกกกก ภาพสวย ดูเพลิน และยังมีการหยอดมุขตลกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้รู้สึกว่าดูเพลิน ไม่น่าเบื่อ

ดูตัวอย่างหนังเรียกน้ำย่อยกันก่อน เอามาแปะให้ทั้ง 2 เวอร์ชั่นเลย

 
credit : thailandfox
ฉากที่ประทับใจนอกเหนือจากความสวยงามแล้ว เรื่องอารมณ์ความรู้สึก คำพูด สายตา ที่แสดงออกมา มี 2 ตอน ... จะสปอยนิดๆละนะ ใครไม่อยากโดยสปอย ข้ามไปค่ะ ไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายเลย

...
...
...

ฉากแรก คือตอนที่นักบินนำฝูงเครื่องบินรบพูดก่อนออกไปรบ ประมาณว่าจะสู้เพื่อทุกคนที่ต้องสูญเสีย คือสายตาดีมาก ถ่ายทอดความรู้สึกมาถึงคนดู มีน้ำตาเอ่อ ปริ่มๆแต่ยังไม่ไหล เพราะในเรื่องเค้าคือคนนึงที่เพิ่งสูญเสียคนที่รักไปต่อหน้าต่อตา คือเห็นแต่ช่วยเหลือไม่ได้ ดูแล้วสงสาร เศร้าไปกะเค้าด้วย

ฉาก 2 คือฉากที่ประธานาธิบดีบอกทุกคนบนโลกผ่านวิทยุ ว่าแม้เราจะต่างชาติ ต่างภาษา แต่เวลานี้เราคือหนึ่งเดียวกัน เราจะสู้ไปด้วยกัน โหยยยยยยย เอาใจไปเลย ซึ้งด้วย แต่ก็เศร้า เล่าเยอะกว่านี้ไม่ได้ เด๋วโดนด่าว่าสปอยเยอะเกินอีก 555

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = 

สรุป Independence Day : Resurgence สงครามใหม่วันบดโลก ภาค2 (ภาคต่อ) ของ DI4 : ไอดี4 สงครามวันดับโลก เป็นหนังที่ควรค่าแก่การเสียเงินไปดูค่ะ สายหนังไซไฟ หนังเอเลี่ยน ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เริ่มฉายวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ทุกโรงภาพยนตร์นะคะ

อ่านต่อ >>>

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว Pantene Total Damage Care 10 BB Cream For Hair บีบีสำหรับเส้นผม

ใครกำลังมีปัญหาเรื่องผมฟู จัดทรงยากบ้างคะ ยกมือหน่อยเร้ววววว

ตาลเองก็เป็นคนนึงที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่นะคะ เพราะเป็นคนผมยาว(มาก) ผมเส้นใหญ่(มาก) ผมหยักศกด้วย เวลาสระผมเสร็จใหม่ๆ ผมจะฟูมาก แบบเป็นหัวสิงโตเลยแหละ แล้วจะมีลูกผมที่งอกใหม่เส้นเล็กๆ ชี้โด่ ชี้เด่ จัดทรงยากมากกกกกก จะไดร์เองก็เมื่อย ไปร้านก็นานเกินกว่าจะไดร์เสร็จ แต่วันนี้เรามีตัวช่วยแล้วน๊า นั่นคือ Pantene Total Damage Care 10 BB Cream For Hair บีบีสำหรับเส้นผม ตัวนี้นี่เองงงงงงง


Pantene Total Damage Care 10 BB Cream For Hair บีบีสำหรับเส้นผม ข้างขวดเขียนไว้ว่า ช่วยป้องกันผมแตกปลาย ช่วยให้ผมดูแข็งแรงไม่เปราะบาง  ผมเรียบลื่น ชุ่มชื่น เงางาม จัดทรงง่าย ผมไม่พันกัน ไม่ชี้ฟู ผมนุ่ม และป้องกันผมจากความร้อน

โหย ตรงกับที่อยากได้ทั้งหมดเลย งั้นก็จัดมาสิคะ รออะไร ราคา 199 บาท กับปริมาณ 135 มล. ก็ถือว่าโอเคนะคะ เหมาะสำหรับผมยาวแบบเรา ใช้คุ้ม ใช้ได้นานหน่อย แถมตอนที่ไปซื้อ ที่ห้างมีโปร ซื้อ 1 แถม 1 พอดี คุ้มไปอีกกกกก ก.ไก่ล้านตัว

วิธีการใช้ให้ใช้หลังสระผม ตอนผมหมาดๆ หรือตอนผมแห้งก็ได้ กดหัวปั๊ม บีบีก็จะออกมาพร้อมใช้เลยจ้า แต่สำหรับผมยาวและเยอะแบบตาล กดไปเลยค่ะ 3 ปั๊มรัวๆ ลองดมกลิ่นดู กลิ่นหอมดีนะคะ หอมอ่อนๆ ไม่ฉุน กำลังดีเลยแหละ


หลังจากนั้น ถูบีบกับฝ่ามือแล้วลูบที่ผมได้เลย ตาลจะลูบจากปลายผม แล้วไล่ขึ้นมาที่ช่วงกลางๆ ส่วนตรงโคนผมแถวๆด้านบนจะแค่ลูบนิดๆ ไม่ใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวผมจะดูมันเกินไปค่ะ หลังลูบบีบี ผมจะเปียกนิดๆ ก็เอาหวี หวีเพื่อจัดแต่งให้เข้าทรงได้เลย ไม่ต้องล้างออก แป๊บนึงบีบีจะเริ่มซึมเข้าผม พอผมเริ่มแห้ง ผมก็จะดูฟูน้อยลง เป็นทรงมากขึ้น ดูมีน้ำหนักมากขึ้น ดูเงามากขึ้น หรือใครอยากจะไดร์ผมต่อก็ตามสะดวกเลยค่ะ


เพื่อความชัดเจนไปดูสภาพก่อนใช้กับหลังใช้ชัดๆ
รูปซ้ายใช้ Pantene Total Damage Care 10 BB Cream For Hair บีบีสำหรับเส้นผม
รูปขวาเป็นผมปกติ ยังไม่ใช้บีบี


ถึงผมจะไม่ตรงมาก แต่ก็ชัดเจนว่าดีขึ้นเลยเนอะ ง่าย เร็ว สะดวกด้วย ดีมากๆเลย แต่ถ้าใช้กับทั้งหัวแบบที่เห็น ตาลจะแบ่งผมออกเป็น 6 ช่อนะคะ แล้วลูบทุกช่อเลย ช่อละ 3 ปั๊ม สำหรับคนผมเส้นเล็ก น่าจะเห็นผลชัดกว่า แต่สำหรับคนผมเส้นใหญ่ หนา และฟู แค่ไม่เป็นสิงโต ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วล่ะ ถ้าอยากตรงกว่านี้ไปหนีบเพิ่ม ก็โอเคแล้วค่ะ


ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)


อ่านต่อ >>>

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว Ratter (2015) ตามติด / แอบดูมรณะ (สปอยนะ บอกเลย)

Ratter (2015) เห็นมีชื่อไทยอยู่ 2 ชื่อ คือ Ratter (2015) ตามติด และ Ratter (2015) แอบดูมรณะ คือก็ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องมีชื่อไทย 2 ชื่อนะคะ แต่ที่ดูๆมันก็คือเรื่องเดียวกันนี่แหละ



Ratter (2015) เป็นหนังที่เกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เดินทางเข้ามาใช้ชีวิตคนเดียวในนิวยอร์ก และต่อมาเธอก็เริ่มรู้สึกได้ถึงการคุกคามจากใครบางคน ซึ่งกำลังเฝ้ามองดูเธออยู่จากกล้อง ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น มือถือ โน๊ตบุคของเธอเอง

ต่อจากนี้คือการสปอยค่ะ ใครอยากดู ไปหาดูตามอัธยาศัยเลยค่ะ แต่ถ้าถามเรานะ เราอยากบอกคุณว่าเก็บเวลาไว้ทำอย่างอื่นเถอะ!!!

เนื้อหาหนัง คือ การมองนางเอกใช้ชีวิตกิจวัติประจำวันของนางไปเรื่อยๆค่ะ ทำอาหาร ออกกำลังกาย เต้น เรียนหนังสือ มีเพื่อน มีแฟน โน้นนี้ของนางไปเรื่อยๆ ภาพในหนังจะเสมือนว่าเราคือแฮคเกอร์ที่กำลังตามดูชีวิตนางเอกอยู่นั่นแหละ

ดูไปเรื่อยๆ ด้วยความอดทน และพอช่วงท้ายๆ นางเอกเริ่มรู้ตัวว่ามีอะไรแปลกๆ ชีวิตเริ่มถูกคุกคาม นางก็พยายามคิดว่าใครนะที่พยามแกล้งเธออยู่ แฟนเก่า? แฟนใหม? หรือเพื่อนคนไหน? เราซึ่งเป็นคนดู ก็ลุ้นตามนางสิคะ ว่าใครวะ? ใครตามนางอยู่? ใครโกหก? แล้วจะเป็นไงต่อไป? เกิดความคาดหวังว่าตอนจบจะได้รู้ซักทีว่าคนร้ายคือใคร

สุดท้าย นางเอกกลัวมาก ไม่อยากอยู่ที่ห้องนี้ต่อก็จะย้ายห้องหนี แต่แล้วคืนนั้นเอง ระหว่างที่นางเอกกำลังคุยskypeกับแม่ อยู่ๆก็มีไอ้โม่งชุดดำ เดินเข้ามาจากด้านหลัง ปิดปากเธอแล้วลากเธอออกไป พร้อมกับเสียงโวบวายของแม่นางเอก ว่าให้ปล่อยลูกสาวชั้นไปเถอะ แกทำแบบนี้ทำไม แกต้องการอะไร

สุดท้าย ไอ้โม่งก็เดินมาปิดจอ ภาพตัด จอดำ จบ!!!

เฮ้ยยยยยยยย แบบนี้ก็ได้เหรออออออออ
ความพยายามในการดูมาเกือบ 2 ชั่วโมงคืออาร๊ายยยยย
สรุปคือให้ดูอะไร ต้องการจะบอกอะไรค๊าาาาาา

ณ จุดนั้น อยากจะปารีโมทใส่จอทีวีมาก แต่ก็เสียดายทีวี ทำได้แค่ปิดหนัง และนั่งบ่นกับตัวเองต่อไปว่า ไม่น่าเสียเวลาดูเลยกรู

ปล. นี่คือความรู้สึกส่วนตัวของเราคนเดียวค่ะ ความชอบคนเราไม่เหมือนกันเนอะ ใครดูสนุก ก็ดีใจด้วยค่ะ แต่สำหรับเรา เราไม่ค่อยโอเคอ่ะ เต็ม 10 ให้ 2 พอ ... แค่นี้แหละ บรัยยยยย
อ่านต่อ >>>

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว m-Waffle by m-made วาฟเฟิลอะไร ทำไมลูกกลมๆ

วันนี้เจ้านายใจดีให้ขนมมากิน ที่ถุงเป็นชื่อ m-Waffle by m-made ยี่ห้อไร ไม่รู้จัก แต่ฟรีค่ะ งั้นกินสิคะรออะไร 

เปิดมาเป็นขนมรูปร่างแปลกๆ เป็นแผงกลมๆเหมือนรังผึ้ง ตอนแรกที่เห็นก็คิดนะว่า วาฟเฟิลไรอ่ะหน้าตาแปลกๆ กลมๆเหมือนขนมครกแต่มาเป็นแผง แถมนิ่มๆ สีก็แปลกๆ กินได้จิงดิ่??? แต่ด้วยความหอมเนยที่ลอยมาเตะจมูก จะลองกินก็ด้ะ 5555+++

   

พอลองกินถึงรู้ว่ามันคือวาฟเฟิลโกโก้นี่เอง และข้างในมีอัลมอนชิ้นเล็กๆ แทรกอยู่ ให้ความรู้สึกกรุบๆนิดๆ เนื้อของวาฟเฟิลก็ฟูนุ่มดี แม้จะเป็นวาฟเฟิลโกโก้แต่ก็รสชาติกำลังดี ไม่ขมเกินไป และไม่หวานจัด ลองวางทิ้งไว้ 3 ชม. กลับมากินอีกที ขนมก็ยังมีความนุ่มอยู่ ถึงจะไม่นุ่มเท่าตอนแรก แต่ก็ถือว่ายังนุ่มกินอร่อยอยู่ นี่ถ้าได้กินกับกาแฟปั่น วิปครีม หรือไอติมนะ โหยยยย มันต้องดีงามแน่ๆ


ด้วยความสงสัย เลยไปหาข้อมูลเพิ่มว่า วาฟเฟิลนี้คืออะไร ทำไมหน้าตาแบบนี้ ก็พบว่าเป็นวาฟเฟิลสไตล์ฮ่องกง ที่ดีไซน์คล้ายรังผึ้ง และยังสามารถเพิ่มท้อปปิ้งเข้าไปได้ด้วย ซึ่งนอกจาก วาฟเฟิลโกโก้ที่ได้ลองกินวันนี้แล้ว เค้ายังมีวาฟเฟิลมัทฉะ วาฟเฟิลมอคค่า วาฟเฟิลชาร์โคล สีดำด้วยนะ คือดูแปลกดี แต่เราว่าแปลกไปอ่ะ ขอยังไม่ลองดีกว่า ใครสนใจลองหาซื้อมาชิมกันได้นะคะ รู้สึกว่าจะมีบูธตามห้างสรรพสินค้าหลายสาขาอยู่เหมือนกัน รสอื่นยังไงไม่รู้ แต่โกโก้เราว่าอร่อยนะ ไปลองกันดูค่ะ บรัยยยยย

ฝากกด Like Fanpage ให้ด้วยน๊าาา จิ้มปุ่มด้านล่างได้เลยจ้า :)




เครดิตรูปจากเพจ M-Made & M-waffle

อ่านต่อ >>>

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รีวิว The Conjuring 2 คอนเจอริ่ง คนเรียกผี ภาค 2

วันนี้นั่งอยู่บ้านดีๆ น้องชายก็ชวนออกไปดูหนังซะงั้น ไอ้เราก็ใจง่าย ไปก็ไปดิ๊ ว่าแต่ดูเรื่องไรดีอ่ะ น้องชายตอบเสียงดังฟังชัด "The Conjuring 2 คอนเจอริ่ง คนเรียกผี ภาค 2"


เหยยยยยยย หนังผีที่เค้าว่ากันว่าหลอนระดับ 10 กะโหลกนี่หว่าาาาาา ก็ไปดิ่จะรออะไร สายหนังผีอย่างเรา กลัวนะแต่สู้โว้ย!!!

ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ดู The Conjuring คอนเจอริ่งภาคแรกในโรงหนัง แต่ดูในแผ่น รู้สึกว่าก็ไม่เท่าไหร่นะ คือปกติไม่ค่อยชอบหนังแบบผีสิงบ้าน แล้วต้องมานั่งดูคนในบ้านใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ รอจังหวะท้ายๆให้ผีออกมา ดูเป็นชัวโมง ผีมาแป๊บเดียว คือรอดูผีนานๆ ก็แอบเบื่อ แต่ก็นะ บางทีดูในโรงหนังกับดูอยู่ในจอคอมมันอาจจะเทียบกันไม่ได้ ดังนั้นรอบนี้เอาใหม่ ไปดูกันแบบเต็มๆตา วัดกันไปเลยว่าจะเป็นไง


"The Conjuring 2 คอนเจอริ่ง คนเรียกผี ภาค 2" บอกเอาไว้ในเครดิตหนังว่ามีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง เล่าถึงเคสบ้านผีสิงหลังหนึ่ง ภายในบ้านมีคุณแม่และลูกๆ 4 คนอาศัยอยู่ด้วยกัน วันหนึ่งก็มีวิญญาณร้ายโผล่มาคอยตามรังควาญพวกเค้า เริ่มจากเสียงแปลกๆ ข้าวของในบ้านเลื่อนได้เอง และค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีใครสามารถทนอาศัยในบ้านนี้ต่อไปได้ เพราะวิญญาณที่สิงบ้านนี้อยู่เฮี้ยนสุดๆ คู่สามี-ภรรยา เอ็ดและลอเรน วอร์เรน ผู้มีสัมผัสพิเศษกับวิญญาณและปีศาจ จึงถูกขอให้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้

หนังเป็นสไตล์หนังผีที่มีพลอตเรื่องผีสิงในบ้าน แต่ขอบอกว่าการดูหนังเรื่องนี้ ไม่มีความน่าเบื่อเลย ไม่ต้องรอผีนาน เพราะมีออกมาทักทายกันแบบรัวๆ มาเป็นระยะไม่มีขาดช่วง เรื่องราวของหนังก็เดินเรื่องกระชับ เล่าเรื่องราวได้ดี มีอะไรให้ต้องคอยลุ้นตลอด สะดุ้งเป็นระยะ จากที่เคยคิดว่าการดูหนังประเภทผีสิงในบ้านเป็นเรื่องน่าเบื่อ สำหรับเรื่องนี้ขอคืนคำพูดเลยค่ะ มันสนุกมาก เป็นการดูหนังผีที่ประทับใจจริงๆ

สิ่งที่เราประทับใจสำหรับ "The Conjuring 2 คอนเจอริ่ง คนเรียกผี ภาค 2" อย่างแรกคือการเดินเรื่องที่รวดเร็ว ไม่น่าเบื่อ ทำให้เราตื่นเต้นได้ตลอดการรับชม อย่างที่สอง คือชื่นชมน้องผู้หญิงที่แสดงเป็นลูกสาวคนเล็ก ที่ต้องโดนผีสิง คือน้องเล่นดีมากกกกกกกกกก แสดงเก่งมากกกกกกกกกกก คือดูแล้วเชื่อหมดใจว่าน้องโดนผีสิงจริงๆ น้องเก่งมากค่ะ ปรบมือรัวๆๆๆๆ


สำหรับใครที่ยังลังเล ไม่ต้องลังเลแล้วค่ะ ทำใจให้พร้อมแล้วเชิญไปซื้อตั๋วหนังได้เลย คุณจะไม่เสียดายเงินแน่นอน ทั้งนี้ นี่คือความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะคะ ไม่ต้องเชื่อค่ะ แต่เราขอท้าให้ไปลอง!!!
อ่านต่อ >>>

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จองตั๋วโปร 0 บาทของแอร์เอเชียได้ จ่ายเงินเรียบร้อย แต่เลข Booking หาย!!!

คืนนี้เวลา 5 ทุ่ม จะเป็นเวลาแห่งการถ่างตารอช่วงชิงโปรโมชั่น 0 บาท ของสายการบินโลว์คอสเจ้าเก่าอย่างแอร์เอเชีย ทำให้นึกถึงเมื่อต้นปี ที่เราก็เป็นคนหนึ่ง ที่เข้าไปท้าประลองช่วงชิงตั๋วราคาโปรโมชั่นกะเค้าเหมือนกัน


แต่ที่ต้องเอามาเขียนถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของกรรมวิธีในการสอยราคาโปร เพราะไม่เคยสอยทันชาวบ้านเค้าหรอกค่ะ แต่จะมาเขียนเรื่องปัญหาที่เคยพบ หลังการจองตั๋วราคาโปรโมชั่นได้แล้วต่างหาก ปัญหานั้นก็คือ จองตั๋วโปร 0 บาทของแอร์เอเชียได้ จ่ายเงินเรียบร้อย แต่เลข Booking หาย!!!

เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 มีนา ที่ชั้นถ่างตารอจองโปร 0 บาท ของสายการบินแอร์เอเชีย สุดท้ายถามว่าเจอมั๊ย 0 บาท? ตอบเลยชัดๆ ดังๆ ไม่เจอค่ะ 55555+++

แต่ก็นะ ไหนๆก็ไหนๆ จอง กทม.-สิงคโปร์ มาแทนละกัน เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ได้ราคาพอประมาณไม่ถูกไม่แพง บิน 4 คน รวมยอด 10,350 จองไปเสร็จสรรพ ปกติจะตัดเงินผ่าน scbeasy เลย เพราะค่าธรรมเนียมถูกดี แต่วันนั้นยังไม่ตัดจ่ายเงินทันที เพราะไม่แน่ใจว่าเงินใน scb พอรึป่าว แล้วอยากเช็คกับคนในบ้านนิดนึงว่าสะดวกไปกันมั๊ย เลยทำ Booking เพื่อล๊อคราคาโปรค้างไว้ก่อน

ได้เลข booking มาเรียบร้อย ซึ่งปกติมันจะต้องจ่ายเงินภายใน 2 ชม. ไม่งั้น booking มันจะหาย ก็ไม่อะไรค่ะ จองได้แล้วสบายใจ ไปอาบน้ำ ทำโน่นนี่ซักพัก เช็คยอดเงินแล้วกลับมาทำรายการตัดเงินตามปกติ พอจ่ายตังเสร็จ sms แจ้งตัดเงินส่งเข้ามาที่มือถือเรียบร้อย เราก็ย้อนกลับไปดูที่หน้าสมาชิก เพื่อดู Booking เช็คว่าสถานะมัน confirm รึยัง

ปรากฏว่า Booking หาย!!!!!!!!
shipหายละ คือไร???
งงมากค่ะ ตัดเงินเรียบร้อยแล้ว แต่ Booking หาย!!!!!!!!

ตกใจ หมื่นกว่าบาทเลยนะว๊อยยยย ไรแว๊!!! แต่การตกใจไม่ช่วยอะไร ตั้งสติค่ะ เริ่ม search หาเบอร์โทร Callcenter แอร์เอเชีย จากอากู๋ อากู๋บอกว่า ถ้าจะโทรต้องโทร 8.00 – 21.00 น. พอเงยหน้ามองนาฬิกา จะตี 2 ละ แล้วจะทำไงดีเนี่ยยยย งั้นอีเมล์ไปแจ้งเคสก่อนละกัน ส่งเมล์ไปหาแอร์เอเชียก่อนดีกว่า ส่งเมล์เสร็จ คิดเองว่าเค้าจะเช็คป่าวนะ งั้น inbox ทาง FB ไปแจ้งด้วยดีกว่า ก็ inbox แจ้งไปค่ะ

หลังจากนั้น โทรหา scb ละกัน เผื่ออายัดยอดเงินได้ กดเลยจ่ะ Callcenter SCB 02-7777777 (24 ชม.) กดต่อหาพนักงาน scbeasy ไม่นานนักก้อมีพนง.ชายหนุ่มคนหนึ่งรับสาย เราก็แจ้งเรื่องไป เล่าให้เค้าฟัง เค้าบอกว่า คุณลูกค้าครับ เงินถูกจ่ายไปแล้ว ไม่สามารถระงับได้ครับ (=__=)

เอิบบบ...ใจหายแว๊บเลยค่ะ เลยถามพนง.คนนั้น ว่าต้องทำยังไงต่อได้บ้างคะ ต้องรอพรุ่งนี้แล้วค่อยโทรติดต่อแอร์เอเชียเหรอ? ทำไงได้บ้าง? ร้อนใจ เงินโอนไปแล้ว

พนง. ก็อธิบายให้ฟังว่า ปกติแล้วการตัดเงินจาก scbeasy จ่ายให้แอร์เอเชียนั้น เมื่อทำรายการเรียบร้อยแล้ว เงินจะถูกโอนออกไปทันที โดยตามระบบ เมื่อโอนจาก scb ออกไป เงินจะถูกรอจ่ายให้แอร์เอเชียเมื่อแอร์เอเชียรับทราบยอดแล้ว สถานะก็จะสมบูรณ์ และทาง scb จะเห็นเลข Booking เลยว่า เงินถูกจ่ายให้กับ เลข Booking อะไร เท่าไหร่ กี่โมง แต่ตอนนี้ข้อมูลที่เค้าเห็น ยังไม่ปรากฏเลข Booking เพราะทางแอร์เอเชียยังไม่เคลียร์ระบบของคืนนี้ จึงยังไม่ทราบว่าสถานะเป็นอย่างไร

เราก็ทำใจ บอกกลับไปว่าโอเค งั้นพรุ่งนี้เด๋วโทรเช็คอีกทีก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้มันคงทำไรไม่ได้แล้ว คงต้องรอเช้าก่อน ขอบคุณนะคะ แล้ววางสายไป หลังจากนั้น ก็ทำใจและเข้านอน ระหว่างเคลิ้มๆจะหลับ โทรศัพท์ดังจ้า ตี2.40 ใครโทรมาอ่ะ? แต่ก็รับสายแหละ

พอรับสายปรากฎว่าเป็น คุณพนง.คนเมื่อกี้ โทรมาบอกว่ายอดเคลียร์แล้วนะครับ ตอนนี้เห็นเลข Booking แล้ว เลข Booking XXXXXXX เวลาที่ตัดเงินเวลา 1.XXน. รายการ transaction ที่ 1,XXX คุณลูกค้าใช้ข้อมูลนี้ แจ้งกับ Callcenter แอร์เอเชียพรุ่งนี้ได้เลยนะครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ แล้วก็วางหูไป

คือ ณ ตอนนั้น รู้สึกว่า พนักงาน scb เค้าดีจังอ่ะ มีโทรกลับมาบอกด้วย ทั้งๆที่เราไม่ได้คาดหวังเลยนะ โทรไปแจ้ง ตี 2 กว่าๆ โทรกลับมาอัพเดทตอน ตี 2.40 แล้วช่วยเหลือ ตอบคำถามดีมาก ถึงจะยังติดต่อ แอร์เอเชียไม่ได้ แต่ก้อทำให้เราสบายใจว่าเงินเราไม่ได้หายไปเฉยๆ

พอเช้ามา เราโทรไป Callcenter แอร์เอเชีย เบอร์ 02-5159999 แจ้งเรื่องไปอีกครั้ง ตามข้อมูลที่ พนง.scb แจ้งมา พนักงานแอร์เอเชียก็เช็คข้อมูลให้และดึงเลข Booking กลับมาเรียบร้อยแล้ว

ที่พิมพ์มาโคตรยาวนี้ แค่อยากจะชมพนักงาน Callcenter ของ sbc easy คนนั้น เราไม่รู้ชื่อคุณ แต่ขอขอบคุณจากใจจริง ที่คุณช่วยเหลือเราเต็มที่ ซาบซึ้งใจจริงๆ ... ขอบคุณค่ะ :)

สำหรับใครที่เจอปัญหาจองตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่นของแอร์เอเชียได้ จ่ายเงินเรียบร้อย แต่เลข Booking หาย อย่าเพิ่งตระหนกตกใจไปค่ะ จ่ายเงินแล้ว มีหลักฐานครบ ข้อมูลทุกอย่างสามารถเช็คได้ คุณแจ้งทางแอร์เอเชียได้เลยค่ะ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ได้ราคาเดิมตามที่คุณจองไว้นั่นแหละ แต่ใช้ความพยายามในการโทรเข้า Callcenter แอร์เอเชีย 02-5159999 ดีกว่านะคะ (เวลาทำการ 8.00 – 21.00 น.) เพราะที่เราแจ้งเรื่องไปทาง Inbox Fanpage ไม่มีการตอบกลับอะไรเลยค่ะ

จบแค่นี้ดีกว่า ขอตัวไปส่องโปร 0 บาทรอบล่าสุดก่อนนะ บรัยยยยย
อ่านต่อ >>>